Pages

Monday, December 30, 2013

อยู่กับตัวเอง จะเป็นบ้า - mad

เมื่อวานแบบว่าอารมณ์ดาวน์มาก

งานก็ยังไงไม่รู้

ชีวิตก็ยังไงไม่รู้

รู้สึกว่าบ้านไม่อบอุ่นด้วย

อยู่ยังไงก็ไม่มีความสุข

ก็เลยร้องไห้เลย

คนเราที่ไม่มีความสุขเพราะคิดถึงอดีต หรือไม่ก็คิดถึงอนาคต

ทำให้ปัจจุบันไม่มีความสุข

พอนึกถึงเรื่องเก่า ๆ มันเหมือนเรากวนน้ำให้ตะกอนมันขึ้นมา

ตะกอนมันก็มีอยู่ ฉันอนุญาตให้มี แต่ฉันจะไม่ให้ความรู้สึกใด ๆ ที่จะทำให้ฉันเจ็บปวด

ฉันขอบคุณทุกเรื่องราวที่ผ่านมา

มันทำให้ฉันเติบโตทางจิตใจ

คิดว่าอย่างนั้นนะ

My life

ตื่นสายในวันที่คนอื่นตื่นเช้า

ตื่นเช้าในวันที่คนอื่นตื่นสาย

ทำงานวันที่คนอื่นหยุด

หยุดวันที่คนอื่นทำงาน

บางทีก็คิดว่า เอ๊ะ นี่ฉันกำลังทำงานอยู่หรือ

แต่รู้สึกดีนะ

จะทำอะไรก็ไม่ต้องคิวยาว

แต่ได้เงินน้อยนี่สิ พ่อเลยบอกว่าพ่อเห็นว่าลูกปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์

มันรู้สึกแย่ที่คนในครอบครัว ซึ่งน่าจะให้กำลังใจเรามากที่สุด มาตัดสินเราแบบนี้

แล้วถ้าถามกลับบ้างล่ะ ว่าเลี้ยงลูกมายังไงให้เป็นแบบนี้ โวะ!

Sunday, December 29, 2013

การแสดงออกของความรัก - love expression

เงิน

รักมาก ก็ให้เงินมาก ซื้อของให้มาก ๆ

ฉันวิเคราะห์ตัวเองแล้ว ว่าตัวฉันเองได้รับความรักผ่านทางเงินมาตั้งแต่เด็ก

หรือมันจะฝังรากลึกอยู่ในวัฒนธรรมแล้วก็อาจเป็นได้ ที่ผู้ใหญ่จะให้เงินเด็ก เวลามารวมญาติตามเทศกาลต่าง ๆ เช่น ปีใหม่ หรือสงกรานต์

20 50 100 500 1000 แล้วแต่ความรวยของญาติ หรือตามอายุเด็ก ๆ ถ้าเด็กหน่อยก็เอาไป 20 พอ

เด็ก ๆ ก็จะขอให้พ่อแม่ซื้อของให้เป็นธรรมดา เกม ปืนอัดลม กีตาร์ คอมพิวเตอร์ จักรยาน มอเตอร์ไซค์ รถยนต์ พ่อแม่ก็ซื้อให้

ฉันคิดว่า พ่อแม่คงเข้าใจว่า ลูกจะเข้าใจว่าตนเองรักลูกมากจึงยอมซื้อของเหล่านี้ให้ ทั้ง ๆ ที่บางทีของนั้น ๆ เป็นจำนวนเงินที่มากเมื่อเทียบกับเงินเดือน หรือต้องเก็บเงินหลายเดือนเพื่อจะได้มาซื้อของเหล่านี้ให้ลูก

แต่เปล่าเลย ลูกซึ่งไม่เคยรับรู้เรื่องเงินเดือน หรือค่าใช้จ่ายในบ้าน หรือหนี้สินของพ่อแม่ จะมาเข้าใจอะไร

ขอของ ได้ของ มีของ แค่นี้แหละ จบ

------------------------------------------------

กอด

ครั้งสุดท้ายที่พ่อแม่กอดฉันนั้นเมื่อไหร่ก็จำไม่ได้

แต่ฉันจำได้ว่า เมื่อโตมา ตัวฉันเองนี่แหละ เป็นคนเริ่มกอดพ่อแม่บ้าง

อาจเป็นเพราะวัฒนธรรมเอาอีก ที่แสดงออกทางการไหว้ ซึ่งการไหว้มันไม่ได้สัมผัสถูกเนื้อต้องตัวกัน

ไหว้ก็ไหว้ผ่าน ๆ ไหว้เฉย ๆ ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรที่ลึกซึ้งเลย

ต่างจากการกอด เรากอดคนที่เราคิดว่าปลอดภัย เรารักคนนั้น เรารู้สึกถึงความอบอุ่นใจ

เราไม่กอดศัตรูของเราแน่ ๆ เพราะมันถึงเนื้อถึงตัวและมันไม่ปลอดภัย

เวลาจะจากกัน ฉันจะพยายามกอด แต่บางครั้ง พ่อแม่ไม่อยากลงรถ แล้วจะกอดได้อย่างไร

ได้แต่สวัสดีไปทางกระแสอากาศ

------------------------------------------------

บ้าน น่าจะเป็นสถานที่ที่นึกถึงทุกครั้งที่อยากพักผ่อน พักใจ

อยากกลับบ้าน

แต่ในเมื่อ มีบ้าน แต่บ้านไม่อบอุ่นแล้ว

กลับบ้าน แต่ไม่ได้รู้สึกพักใจแล้ว

ทีนี้จะทำยังไงล่ะ

----------------------------------------------

บางทีก็เกลียดการเปิดทีวีที่บ้าน เปิดทีวีทำให้คนที่บ้านคุยกันน้อยลง

มันจะเป็นยังไง ถ้าอยู่บ้าน กินข้าวแล้วไม่เปิดทีวี

คนเราเปิดทีวีเพื่อทำลายความเงียบ

ความเงียบมันทำให้เราอึดอัดอย่างนั้นหรือ

---------------------------------------------------

พ่อแม่อยากให้ลูกได้ดี เพราะอยากให้ลูกได้ดีจริง ๆ

หรือเพราะกลัวตัวเองขายหน้า

หรือเมื่อลูกได้ดีแล้ว ตัวเองจะได้โหนลูกได้

---------------------------------------------------

พ่อแม่คาดหวังให้ลูกแสดงความรักให้อย่างไรหรือ

------------------------------------------------------

ชีวิตสับสน ฝันประหลาด ๆ ทุกคืน

Wednesday, December 25, 2013

ต่อไปนี้จะกินกาแฟทุกวัน - from now i will drink coffee everyday

เอาล่ะนะ ต่อไปนี้จะกินกาแฟทุกวัน

จะไม่พยายามเลิกกินกาแฟแล้ว

คือว่าจะไม่ซีเรียสว่ากินกาแฟแล้วจะหน้าแก่หรืออะไรก็ตาม

ชีวิตคงจะมีความสุขขึ้นอีกเยอะ

อันที่จริงก็มีเหตุคือ ถ้าช่วงไหนกินกาแฟทุกวัน วันที่ไม่กินจะเริ่มออกอาการปวดหัวตึ้บ ๆ มันก็คืออาการของคนเสพติดกาแฟนั่นแหละ คือถ้าไม่ได้กาแฟ รู้เลยว่าบ่ายนั้น เย็นนั้น คืนนั้น ไม่รอดแน่ ทำใจไว้เลย
แต่พอผ่านไปมันก็ดีขึ้นนะ ติดง่าย ๆ เลิกง่าย ๆ เหมือนกัน

งั้นสรุปให้ชีวิตง่ายขึ้นก็คือ กินเลย เย่

Wednesday, December 18, 2013

ไปกับบอส - go with boss

วันนี้เป็นประสบการณ์ใหม่ในการไปดูเค้าคุยเรื่องทำสัญญาเช่าที่ทำธุรกิจกัน

ชีวิตนี่เหมือนเล่นเกม

เงินก็เงินจริง

คนก็คนจริง

ต้องดูว่าจะไปยังไงต่อ

ได้เห็นแนวคิดของเจ้าของโครงการว่าเค้าจะทำยังไงให้โครงการเค้ารอด

สนุกดีนะ ชอบ ๆๆ

Sunday, December 8, 2013

ไม่ค่อยมีเวลาว่างยาว ๆ เลย - mai mee long free time

ช่วงนี้ทำงาน

สติไม่ค่อยมี

วันก่อนปล่อยรถไหลไปชนท้ายคนอื่นอะ เราก็เป็นอะไรไม่รู้ ก้มหน้าซบพวงมาลัย เข้าเกียร์ N อีก รู้ตัวอีกทีก็ชนแล้ว ยังงง ๆ

ขับรถเลยซอย

ไม่มีอารมณ์เขียนบล็อก

เหงา ๆๆ

Friday, November 29, 2013

ไอซ์สเก็ต - ice skate

มีลานไอซ์สเก็ตมาเปิดใหม่

ไปลองเล่นแล้ว เราชอบมาก

ไปครั้งที่สามแล้ว

ถ้าไปครบ 20 ครั้ง จะซื้อรองเท้าไอซ์ฮอกกี้เป็นของตัวเอง

ตัดสินใจถูกมั้นนะ - am i made the right decision?

จะย้าย

ของเต็มเลย


ทยอยขนไปบางส่วนแล้ว

ทำอะไรเองคนเดียว ไม่มีที่ปรึกษา ไม่มีคนคอยช่วยเหลือ บางทีมันก็ไม่มั่นใจนะ

คือแบบ ขี้เกียจเก็บมากเลย

จะเอาอะไรไว้ จะเอาอะไรทิ้ง

คิดเอง ทำเอง

Thursday, November 28, 2013

น้ำหอม philosophy pure grace

อยากได้มานานแล้ว

ได้แล้ว

ดีใจ


หอมไม่แรง ฉีดได้เรื่อย ๆ

กลิ่นหอม ๆ ก็ทำให้ชีวิตมีความสุขแล้ว

หลับดึก - stay up late

โอ้ เวล oh well

อะไรยังไง หลับดึกอีก น้ำไม่ได้อาบ

ไปอาบน้ำก่อน

ชีวิตไม่เวิร์คนะ

Wednesday, November 27, 2013

ตื่นสายอีกละ - wake up late again

ตื่นสายอีกแล้ว

เคยเขียนเรื่องตื่นสายไปทีนึง เคยเขียนเรื่องตื่นเช้าไปอีกทีนึง

ถ้าไม่มีงานอะไรที่บังคับโดยคนอื่น

ก็จะตื่นสายอยู่ดี เริ่มหลับดึกขึ้นเรื่อย ๆ

เบื่อจัง

ช่วงนี้ไม่ได้ซื้ออะไรมากินตอนเช้าด้วย

ไม่มีอาหารเช้า เพราะคิดว่าเราจะต้องพาดตัวเองออกจากห้อง เพื่อไปหาอาหารเช้า แต่ก็ไม่ได้ออก

ความนับถือในตัวเองลดลง ๆ

กำลังจะไปจุดต่ำของชีวิตอีกแล้วหรือนี่

เบื่อที่ต้องพูดคำว่าเบื่อ โอ้ เขียนมาถึงตรงนี้ เดจาวูอีกแล้ว เบื่อที่ต้องเบื่อ

คิดว่าคงต้องหาอะไรกินก่อน สมองจะได้แล่น

Sunday, November 17, 2013

ยี่เป็ง - Yi peng

ปล่อยโคมยี่เป็ง 2013 นะ
ไปดี ไม่ไปดี

สุดท้ายก็ไป

คนเยอะมาก เหนื่อย ๆ

ขี่รถมาก็ด่ามาตลอดทาง

คนเยอะมาก เบียดกัน เราก็อารมณ์เสียเป็นพัก ๆ

แต่เราก็ได้ฝึกเรียนรู้ตัวเอง

ก็สนุกดีนะ

ได้ประสบการณ์อีก

ยางแบน
ขากลับรถยางแบน

เย่

สนุกกว่านี้มีอีกไหม

Tuesday, November 12, 2013

ฝันถึงใครบางคน - Dream about someone

นอนบนพื้น หลับไป

ฝันถึงใครบางคน

ในฝันมันช่างเหมือนจริง

ความรู้สึกมันอยู่ช่วงไหนของชีวิตก็ไม่รู้

แต่รู้สึกได้ ว่าได้กอด ได้สัมผัส

อ้อ มีแมวด้วย!

Monday, November 11, 2013

สอบสัมภาษณ์ - interview

ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ที่ประทับใจ

ขอบคุณที่เราทำเต็มที่

ขอบคุณความฉลาดของเรา

ขอบคุณที่ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี

ขอบคุณที่ไปทันเวลา

ขอบคุณการเจอกับคนสำคัญโดยบังเอิญ

ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร เราพร้อมรับ

ถ้าได้ก็จะเอา

Saturday, November 9, 2013

ถาม - ask

บางทีมันก็ยากนิดหน่อยที่เราต้องอยู่ในสถานที่เดิม ๆ แต่ไม่มีคนบางคนอยู่ด้วยแล้ว แล้วคนอื่น ๆ ก็ถามถึงคนนั้น

สามวันมานี้ มีคนมาถามสามคนเลย

ก็ตอบ ๆ ไป

ไม่รู้เหมือนกัน

Thursday, November 7, 2013

Thor 2

วันนี้ทำงาน

มือยังแตกเหมือนเดิม เจ็บ

สนุกดีนะวันนี้

เสร็จแล้วก็ไปเอาบัตรให้เพื่อนที่รพ.

แล้วก็คิดว่าจะทำอะไรต่อดี

เมื่อวานไปดูหนังที่พรอมเมนาดา วันพุธ 100 บาท เรื่อง Ender's Game สนุกดี

ได้เห็นโปสเตอร์หนัง Thor2 มี Natalie Portman ด้วย

ก็เลยเกิดไอเดียว่าดูหนังดีกว่า

ระหว่างเดินออกจากรพ.ก็เอาไอแพดมาเซิชหารอบหนัง

เอาโรงหนังที่ใกล้ที่สุดนี่แหละ

ได้รอบ 15.35 ตอนนี้ 15.15 คิดว่าไปทัน เพราะว่ากว่าหนังจะฉายก็โฆษณาอะไรเยอะแยะ

สรุปว่าไปทัน ดู Thor 2

แต่ดูไม่รู้เรื่องเท่าไหร่ เพราะไม่ได้ดูภาคแรก ก็ดูหน้านาตาลีไป แค่นี้ก็พอใจแล้ว

แล้วก็ไปกินข้าว ซื้อของ แล้วก็กลับ

คิดได้ว่า ไม่ต้องมองหาฝรั่งละ ยิ่งมองหา ยิ่งคิดถึง

ควรไม่ต้องไปใส่ใจ

จะก้มหน้าก้มตาเดินดีมั้ยน้อ

ช่วงนี้ดูหนังเยอะ และช่วงนี้ถ้าคิดอะไรได้ก็จะทำเลย เช่น ดูหนัง สั่งน้ำหอม ไปนั้นมานี่ ซื้อนั่นซื้อนี่ เพราะว่าทำในสิ่งที่คิดได้ มันฆ่าเวลาได้ดี แม้จะอย่างเดียว ก็ไปทำ ไม่งั้นก็นั่งเวิ่นเว้ออีก

พยายามเดินหลังตรง ออกกำลังกาย

ใช้ชีวิตที่ทำให้ตัวเองมีความสุข

ต้องมีความสุขอยู่กับตัวเองให้ได้

เอ้อ วันนี้ไปเตร็ดเตร่ B2S ก็ไปสอยหนังสือเข็มทิศชีวิตมา เมื่อก่อนไม่คิดจะซื้อ แต่ตอนนี้ลองเปิดใจอ่านดู อาจได้แนวคิดอะไรใหม่ ๆ ก็ได้มั้ง

Tuesday, November 5, 2013

อะไรกัน - what

เมื่อวาน รู้สึกแย่อย่างมากตอนเช้า

ไปร้านกาแฟ อ่านหนังสือ อ่านไม่ได้ ไม่มีสมาธิ เปิดเพลงใส่หูฟังก็ไม่เวิร์ค เสียงดังเกิน ฮานิ

ออกร้านกาแฟมา เที่ยงกว่า จะหาข้าวกิน

ก็เลยไปร้านแถวที่มันไม่มีสัญญาณมือถือ

ตอนติดไฟแดงเห็นมอไซค์มีหนังสืออักษรไขว้เสียบอยู่

ก่อนไปก็แวะเซเว่น กะว่าซื้ออักษรไขว้ไปเล่นด้วย อักษรไขว้ทำให้นึกถึงตอนเด็ก ๆ

ไม่มีอักษรไขว้ มีแต่การ์ตูนมหาสนุกที่พอจะมีอักษรไขว้

ไปเจอหนังสือ what's wrong is love? ซักอย่าง ก็เลยซื้อมา

ไปร้านกาแฟ waterfall cafe ไม่มีสัญญาณมือถือ เยี่ยมจริง ปลีกวิเวก

ไปปูเสื่อที่น้ำไหลจากน้ำตก
มีหมาเป็นเพื่อน

อ่านหนังสือความรัก ก็ได้มุมมองใหม่ ๆ สองสามมุม

รู้สึกดีขึ้นหน่อย

เดินไปรอบ ๆ ไปนั่งที่อื่น ก็มีกลุ่มคนมานั่งตรงที่นั่งเรา ทั้ง ๆ ที่ของเราวางอยู่

เราเก็บของกลับเลย กะว่าจะอยู่อ่านหนังสือให้จบ

ขับรถเข้ามาในเมือง

เจ้านายโทรมาให้ไปทำงานพรุ่งนี้

พ่อโทรมา บอกว่าจะมาถึงเชียงใหม่ห้าโมง

ลืมไปเลยว่าต้องไปส่งพ่อขึ้นรถไปกรุงเทพ

ไปกินข้าวเย็นกับพ่อและน้อง

ส่งน้องถอยมือถือใหม่

ไปส่งพ่อขึ้นรถตอนสองทุ่ม

กลับมา

วันนี้ที่อ่านหนังสือเค้าบอกว่า โดนบอกเลิกยังดีกว่าคบกับแต่อีกฝ่ายไม่ได้รักแล้ว

จริงด้วยสินะ ต้องขอบคุณเค้าที่บอกความจริง ถึงมันจะเจ็บปวดก็ตาม

ก่อนอาบน้ำก็ออกกำลังกายนิดหน่อย

แล้ว someone ก็แมสเสจมา คุยกันนิดหน่อย

เราก็รู้สึกดีขึ้นกับตัวเองหน่อยนึงละ

รู้นะ ว่าต้องรักตัวเองก่อน

จะพยายามรักตัวเอง

พอความคิดเปลี่ยน สถานการณ์ก็เหมือนจะดีขึ้นนะ

ต้องมีชีวิตอยู่จนถึงวันที่ย้อนกลับมามองวันนี้ว่า เราผ่านมันมาได้ยังไงกันนะ

Monday, November 4, 2013

ต้องเดินทางไกลแค่ไหนถึงจะพบความสุข - How far of the happiness?

ดูหนังเรื่อง Eat Pray Love ไปได้ครึ่งเรื่องละ

เสียดาย ฟังภาษาอังกฤษไม่ค่อยรู้เรื่อง

ที่อินเดีย กูรูบอกว่า ให้ให้อภัยตัวเอง

ช่วงนี้เราสับสน

เราควรควบคุมจิตใจตัวเอง หรือปล่อยให้จิตใจมันเป็นไปของมันกันแน่นะ

สับสน

มีคำหนึ่งในหนัง "disconnected" คงใช่คำนี้แหละมั้ง เราไม่รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของอะไรเลย

ต้องรักตัวเองก่อน แล้วทำยังไง ยังไงคือรักตัวเอง

ไม่รู้สึกถึงความรักเลย

มีเงินก็ไม่ช่วยอะไร

เอาเงินมากองตรงหน้าก็ไม่รู้เอาไปซื้ออะไร

แค่มีชีวิตผ่านวันนี้ไปได้ก็พอแล้วเหรอ แล้วยังไงต่อละเนี่ย

ต้องเปลี่ยนอะไร ปัญหาอยู่ที่ไหน

ใครจะช่วยเราได้บ้าง จะมีใครสนใจบ้าง

Sunday, November 3, 2013

คิดถึง - miss

คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง
คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง
คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง
คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง
คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง
เฉยไว้ เฉยไว้ เฉยไว้ เฉยไว้ เฉยไว้ เฉยไว้ เฉยไว้ เฉยไว้
เฉยไว้ เฉยไว้ เฉยไว้ เฉยไว้ เฉยไว้ เฉยไว้ เฉยไว้ เฉยไว้
เฉยไว้ เฉยไว้ เฉยไว้ เฉยไว้ เฉยไว้ เฉยไว้ เฉยไว้ เฉยไว้
เฉยไว้ เฉยไว้ เฉยไว้ เฉยไว้ เฉยไว้ เฉยไว้ เฉยไว้ เฉยไว้
เฉยไว้ เฉยไว้ เฉยไว้ เฉยไว้ เฉยไว้ เฉยไว้ เฉยไว้ เฉยไว้

เบื่อจุง - bored

นอนอยู่บนพื้น

จะทำอะไรก็ไม่ทำซักอย่าง

ทำไงดี ๆๆ

Saturday, November 2, 2013

ใช้ชีวิตให้ผ่านไปแต่ละวัน - living day by day

ใช้ชีวิตให้ผ่านไป วันแล้ววันเล่า

ขอแค่มีชีวิตอยู่ให้ได้ ก็พอแล้ว

ไม่อยากยุ่งกับใครเลย

ต้องอยู่กับตัวเองให้ได้

ช่างคนอื่นแม่ง

ขอแค่ให้เรารู้สึกดีกับตัวเองก็พอ

จะเอาใจตัวเองให้ถึงที่สุด

Thursday, October 31, 2013

ดื่มง่าว - stupid drinking

เมื่อคืนกินไวน์ 1 ขวด

กินไป ดูหนังไป

ดราม่าไปอ่านบล็อกใครบางคนอีก

ยิ่งกินยิ่งเมา ยิ่งเมายิ่งกิน

อ้วกออกมาเป็นไวน์แดงเลยอะ สีสะใจมาก

ปิดไฟ นอนเลย ดีนะที่กินที่ห้อง

ตื่นเช้าไปทำงาน แฮงค์อีก

กว่าจะกินข้าวมื้อแรกก็บ่ายสาม

โง่จริง ๆ เลยเรา -*-


Threw up red wine

Wednesday, October 30, 2013

serendipity

ดูหนังเรื่อง Serendipity

มันก็เป็นเรื่องพระเอกนางเองคลาดกันไปคลาดกันมา

ในชีวิตจริงอาจจะมีก็ได้นะ

แต่ดูแล้วเฉย ๆ อะ

ถ้ามีความรัก อาจจะอินกว่านี้

ตอนนี้ destiny อะไร ไม่อยากพูดถึง

ขอให้มีชีวิตอยู่ไปได้อีก 1 วันก็พอใจละ

บาย

Tuesday, October 29, 2013

ถ้าเราบอกว่าให้เธอมีความสุข - what if i say i want you to be happy

ถ้าฉันพูดว่าอยากให้เธอมีความสุข ในที่ที่เธออยู่

ในที่สุดเธอก็มีความสุข

แต่ในวันนั้น มันไม่มีฉันเป็นส่วนหนึ่งของเธออีกต่อไป

ฉันจะมีความสุขไหม

ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะเป็นแบบนี้

เงิบ

เบื่อสุดขีด - fucking bored

วันนี้ว่าง

ว่าง ๆ ก็เลยเบื่อ

อยากทำหรือไม่อยากทำอะไรก็ไม่รู้

ทำไงดีนะ

Monday, October 28, 2013

ดูหนังมากขึ้น - watched more movies

หลังจากวันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม 2556

ก็ดูหนังมากขึ้น

ไปดูในโรงก็ About time, Escape Plan

ล่าสุดดู 500 days of summer โดนเลยแหละ

บางทีความรักมันก็อาจจะอย่างนี้ก็ได้

เรื่องของพรหมลิขิต เรื่องของรักแรกพบ

summer จบแล้ว รอ autumn ก็ละกัน

เสียใจ แต่เดี๋ยวมันก็น่าจะผ่านไป

It is not a love story. It is a story of love

คิดถึงใครบางคน - missed somebody

คิดถึงใครบางคน

คิดถึงทุกวัน

แต่จะไม่ทำอะไร

คิดถึงเฉย ๆ

ทำใจ และตัดใจจะดีกว่า

เวลาจะทำให้เรารู้สึกแย่น้อยลง

ทำไมนะทำไม

Sunday, October 27, 2013

มีแต่เราเองที่แปลกใจ - unexpected

บอกใคร คนอื่นฟังดูไม่แปลกใจเลยที่เลิกกัน

มีแต่เราเองที่แปลกใจว่า เลิกได้ยังไง

เราอาจจะพยายามสุดตีนอยู่

หรือความรักบังตา ทำให้มองไม่เห็นความเป็นจริง

ตอนนี้ 1 สัปดาห์ผ่านไปละ ความรู้สึกเริ่มตกตะก่อน เราก็คงมองเห็นความจริงขึ้นเรื่อย ๆ

คนอื่นมองเป็นเรื่องธรรมดามากเลย ว่ามันอยู่ไกลกัน

จริง ๆ มันอาจเป็นเรื่องธรรมดาจริง ๆ ก็ได้

ไกลกัน โอกาสเลิกกันสูง งี้เหรอนี่

Sunday, October 20, 2013

วันนี้ - today

วันนี้ตื่น 6.56น. ตื่นเอง

ไปฉี่

พยายามจะหลับต่อ มันไม่หลับ เลยนอนเล่นไอแพด

แช็ตกับร็อบ ก็ดีนะ

ลุกมาล้างหน้าแปรงฟัน

ซักผ้า

ออกไปกินอาหารเช้า กินเฟรนช์โทสเพิ่มครีมชีส ร้อยบาท

ขับรถไปขึ้นรางวัลหวย วันก่อนถูกเลขท้ายสองตัว

ขับไปคิดไป

คิดว่าทำไมถึงต้องเศร้า ทำไมถึงไม่รู้จะทำอะไร ทำไมถึงแบบว่า ก็ทำตัวเหมือนเดิมไม่ได้เหรอ ณ จุดนั้น ร้องไห้อีก มองทางก็ไม่ชัดเลย

ได้เงิน 1960 บาท คุยกับคนขึ้นรางวัล ก็ไม่อยากคุยกับเราเท่าไหร่ เออ ไม่คุยก็ได้วะ

ออกมาจะไป kpn จะไปถามว่าเรียนกีตาร์คลาสสิคเท่าไหร่

คิดว่าต้องหาอะไรทำ เมื่อวานก็ไปถามฟิสเนส

6000 บาท 12 ครั้ง 3 เดือน ก็เฉย ๆ คุยก็เฉย ๆ

ขับรถมาแวะกินกาแฟที่พาคามาร่า

กินเสร็จก็ถามคนขายว่าแถวนี้มีร้านเปลี่ยนถ่านนาฬิกามั้ย

เค้าบอก เลี้ยวขวา เลี้ยวซ้ายนี่

ไปถึง จะเปลี่ยนถ่านกุญแจรีโมต

แกะมามันมีให้ใส่ถ่านแบน ๆ สองก้อน

ลุงที่ร้านก็มีถ่านแบน ๆ ใหม่ก้อนเดียว แล้วก็เนียนเอาถ่านอะไรก็ไม่รู้มาใส่

ไฟมันก็ติดนะ แต่ลุงทำท่าเหมือนไม่มั่นใจว่ามันจะใช้ได้ เราก็ถามว่าใช้ได้แน่นะ ลุงบอกมีปัญหาก็มาที่ร้าน เราก็เออ ก็ได้วะ

เดินกลับไปที่รถ เวงจริง ๆ กดปลดล็อกไม่ได้

เดินกลับไปที่ร้าน จะให้ลุงเปลี่ยนถ่านเก่าใส่ เพราะมันยังกดติดอยู่

ปรากฎ ลุงไม่อยู่ ออกไปซื้อถ่านแน่ ๆ คิดในใจ

นั่งรอ ชักจะนาน

ทนไม่ไหว เราเดินไปที่ตู้ คว้าไขควงมาไข เปลี่ยนเอาถ่านเก่าใส่

กำลังจะเรียกป้าว่าขอคืนเงิน

ลุงมาจอดมอไซค์พอดี

ไปซื้อถ่านมาเปลี่ยนใส่ให้

ถ่านอะไรวะ ก้อนละ 120 สองก้อนก็ 240 เออวะ ช่างมัน

ทีนี้ก็เวิ่น

เลยไปพรอมเมนาด้า

เดินเล่นดูกางเกงวิ่ง ไม่โดนใจเลย อันสั้นก็สั้นไป อันหลวม ๆ ก็ขาบาน

ไปกิน kane mochi โมจิไอติมที่อยากกิน สั่งไปเซ็ต 4 ลูก 98 บาท คุกกี้แอนด์ครีมอร่อยสุด สาแก่ใจละ กินจนจะไม่หมด เลี่ยนไปตอนท้าย อิ่ม

คิดว่าน่าจะดูหนัง เมื่อเช้าแช็ตกับร็อบ ร็อบบอกดูหนังสิ

เดินไปดูว่ามีหนังอะไรบ้าง ก็เลยดู about time 170 บาท หนังรอบ 6 โมงเย็น นี่มันเกือบสี่โมงเย็นเอง

ก็เลยขับรถกลับหอมา แพ็กของจะส่งให้แอช 3 กล่อง

ก็ดีนะ ชีวิตลืมแอชได้พักนึง และคิดได้มาอีกนิดนึง

ออกมา เจอเคเอฟซี ก็เลยกินทูน่าคอนสลัดใหญ่ไป 2

นั่งโพสต์สเตตัสดราม่าในเฟสบุคซักหน่อย พอกดโพสต์ปุ๊บ แม่โทรมาปั๊บเลย

แม่ถามเป็นไงบ้าง โอ้ยยย... น้ำตาแตกได้อีก ชีวิตน้อ

แล้วเหมือนแม่ก็ร้องไห้ด้วย เราก็ร้องไห้ ไม่สนใจคนอื่นแล้ว

จริง ๆ นะ รู้สึกว่าทุกคนก็บีซี่กับชีวิตตัวเอง ไม่มีใครสนใจคนอื่นหรอก

แล้วก็ออกจากพรอมเมนาด้า มากินไวน์ที่ไวน์เลิฟเวอร์ 79 บาท กินไวน์แดงไปแก้วนึง

แล้วก็กลับ

อาบน้ำ แล้วก็เขียนบล็อก

ชีวิตก็เท่านี้วันนี้ มีแต่เรื่องใช้ตังค์

พรุ่งนี้ว่าจะไปส่งไปรษณีย์

สถานที่เปลี่ยน เวลาผ่านไป คนเราก็เปลี่ยนไป นี่คือความจริง

จะทำยังไงได้ คนมันไม่เหมือนเดิมแล้ว

ชีวิตเราต้องอยู่ได้ เราต้องรักตัวเองก่อน แอชก็เป็นแค่คนอื่น ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป

ความสุขอยู่ที่เรา ท่องไว้


Saturday, October 19, 2013

เอาอีกแล้ว - again

อกหักแล้ว

เสียใจ

ทำไม อีกแล้ว ชาตินี้คงอยู่คนเดียวจริง ๆ แล้วแหละ

ชีวิตนี่ใช้ยาก

ไม่สนุกเลย

Wednesday, October 16, 2013

วันนี้โชคดี - lucky day

วันนี้ตอนเช้าตื่นเช้าเพื่อไปสัมภาษณ์วีซ่าท่องเที่ยวอเมริกา

นัดแปดโมง ไปเจ็ดโมงเลย ฟิต

ได้เข้าไปจริง ๆ ประมาณเจ็ดโมงสี่สิบ ได้รับการช่วยเหลือจากทั้งยามและเจ้าหน้าที่ดีมาก

เอกสารเตรียมไปเกินมาก ห้า ๆ

รูปถ่ายสำคัญมาก เอาไปด้วย

ตอนแรกเค้าจะเรียกไปสัมภาษณ์กับคนไทยก่อน เค้าจะถามว่าเราทำอะไร เราเป็นใคร ทำงานที่ไหน

เราว่าไม่ยาก ก็ตอบไปตามความจริง เหมือนเค้าถามเพื่อเตรียมข้อมูลหรือเตรียมเอกสารไรงี้มั้ง ขั้นตอนนี้มีพิมพ์ลายนิ้วมือด้วย

แล้วก็ออกมารออีก

เรียกไปอีกรอบ ฝรั่งสัมภาษณ์ เค้าจะถามว่าไปอเมริกามีจุดประสงค์อะไร เราทำงานอะไร ใครออกค่าใช้จ่ายให้ ไปนานแค่ไหน ทำไมไปนาน ก็ไม่ยากอีก

รอบนี้มีให้พิมพ์ลายนิ้วมืออีก

มือแห้ง มือแตก ก็ไม่มีปัญหานะ เค้าก็ไม่เห็นว่าไร

คิดว่าผ่านนะ

เค้าบอกประมาณว่า ขอให้มีความสุขกับการไปอเมริกาซักอย่าง จับใจความได้ว่างี้

รอเอกสารส่งมาบ้านอีก 3 วัน

สาธุ วีซ่า 10 ปีนะ

ถ้าคอนเฟิร์มแล้วจะมาเขียนบล็อกอีกที

ขั้นตอนเสร็จหมดทุกอย่างที่สถานทูตประมาณ แปดโมงครึ่ง

เย่

ไปนั่งทำงานร้านกาแฟต่อ

แล้วก็ไปซื้อหวย กะว่าเอามาเป็นพ็อกเก็ตมันนี่ไปอเมริกา

ซื้อมา 3 ใบ ถูกใบนึง บร๊ะเจ้า ได้เลขท้ายสองตัว 555 ก็ดีนะ เกิดมาก็พึ่งเคยถูกหวยนี่แหละ

วันนี้เหนื่อย

ไม่รู้ว่าอนาคตต่อไปจะเป็นยังไงกันนะ

ขอบคุณสำหรับวีซ่าอเมริกา 10 ปี - Thank you for 10 years USA visa

จะสัมภาษณ์วีซ่าตอนเช้านี้แล้ว

ขอบคุณที่ผ่านวีซ่ามาได้อย่างง่าย ๆ

ขอบคุณสำหรับวีซ่าท่องเที่ยว 10 ปี

ขอบคุณที่ได้ไปเจอแอชลี

ขอบคุณที่ถูกหวย

ขอบคุณที่มีเงินใช้อย่างไม่ขัดสน

ขอบคุณคนรอบข้างที่ช่วยเหลือเป็นอย่างดี

ขอบคุณที่ได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ

ขอบคุณการเติบโตทางจิตใจ

ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ

Tuesday, October 15, 2013

จะสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกาพรุ่งนี้ - tomorrow I will have a visa interview

ชีวิตจะเป็นยังไงต่อไปนะ

เครียด ๆ

ลองดูวะ ถ้าคนมันจะได้ไปอเมริกาอีก

ทำอะไรไม่ถูกเลย เวิ่นเว้อไปหมด

ไปอาบน้ำนอน ดีกว่า

Thursday, October 10, 2013

ฝันไม่ดี - bad dreams

เมื่อคืนฝันอะไรก็ไม่รู้ เหมือนจะผี เลยตกใจตื่นตอนกลางคืนด้วย

เหมือนจะเดินเข้าไปในบ้าน

มีคนแก่ พูดอะไรก็ไม่รู้

แล้วก็มีเด็กผู้ชาย อายุขวบสองขวบนี่แหละ กระโดดมากอดแล้วก็รัด

แล้วตัวเด็กผู้ชายมันรู้สึกหนึบ ๆ เหมือนตุกตายาง

เราก็แกะมือออก แล้วก็เอาเด็กออก

------------------------------

ตอนเย็นหลับอีก ฝันว่าไอเป็นเลือดแล้วก็มีหนอน หรือไม่ก็พยาธิออกมาดิ้นด้วย

ให้ตายเหอะ

อาจเป็นเพราะช่วงนี้ไม่สบาย เจ็บคอ แล้วก็ไอน่ะ

Tuesday, October 8, 2013

จืด ๆ - bland

เริ่มรู้สึกว่า มันชักจะจืดชืดซะแล้วสิ

บางอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่เคยสังเกตมาก่อน ก็สังเกตเห็น

หรือเราจะคิดมากไป หรือเราจะเหนื่อย หรือเราจะเบื่อ

ขี้เกียจวิเคราะห์ตัวเองจังเลย

Friday, September 27, 2013

สองอาทิตย์หลังผ่าตัด - 2 weeks after surgery

ผ่าตัดเสร็จ กลับไปพักผ่อนนั่ง ๆ นอน ๆ เล่นแมวอยู่บ้าน หนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ

แผลผ่าตัดก็ไม่ได้เจ็บมาก อยู่บ้านก็ล้างถ้วยได้ ถูบ้านได้(ใช้ไม้ถูนะ)

อาหารการกิน ก็กินดะ เค้าห้ามกินไข่ กินกุ้ง กินอาหารหมักดอง

เราก็กินตามปกติของเรา มันก็มีไข่ มีกุ้ง มีขนมจีน อะไรงี้

เค้าให้เปิดแผลได้ในวันพฤหัส ก็ประมาณ 10 วันหลังผ่าตัด

แต่เราเปิดก่อน เราคันรอยพลาสเตอร์ปิดแผลกันน้ำมาก

อาบน้ำก็อาบปกติ แต่อาบแขนขา สระผม แล้วค่อยอาบตัว ให้ช่วงพลาสเตอร์โดนน้ำใช้เวลาน้อยที่สุด เอ๊ะ มันเรียกอาบปกติตรงไหน

ก็แกะพลาสเตอร์ของโรงพยาบาลออก ไปซื้อพลาสเตอร์กันน้ำที่เซเว่นมาติดแทน แผ่นเล็กลง และดีขึ้นเยอะ

ที่บ้านเราเป็นคลินิค มีอุปกรณ์ล้างแผลอยู่ แม่เราเป็นพยาบาล ก็ล้างแผลให้ ใส่ยาฆ่าเชื้อให้

แม่ไปเอาพลาสเตอร์กันน้ำที่โรงพยาบาลแม่ให้ด้วย ฮ่า ๆ

มันมีจุดนึงตรงสะดือ เรากังวลว่ามันจะเป็นหนอง แต่มันก็ไม่อักเสบ บวม แดง อะไร สรุปไอ้ที่เห็นเหลือง ๆ อยู่ไป ๆ มันก็หลุดไปเอง

ตอนนี้ก็อาบน้ำแบบปกติเลย เปิดแผล มันมีรอยเป็นสะเก็ดแต่ยังไม่หลุดนิดหน่อย ก็ปล่อยมัน

แต่ที่สังเกตได้คือ เราเกิดอาการ depressed แบบว่าซึมเศร้าเหงาหงอยอะ อาจเป็นเพราะไม่ได้ออกกำลังกาย และก็มีปัญหาอื่น ๆ ให้คิดเยอะแยะ ก็ได้

อ้อ ขี่มอไซค์ ขับรถยนต์ก็ได้นะ ไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้พยายามไม่ใส่กางเกงที่มันจะรัดตรงแผล เวลาคาดเข็มขัดนิรภัยก็ดึง ๆ ให้มันหลวม ๆ หน่อย

จบ

ผ่าตัดซิสต์ที่รังไข่ข้างขวา - right ovarian cyst sergery



ตีห้าครึ่งพยาบาลมาปลุกแล้ว สวนตรูด

วันนี้พยาบาลโหด เสียบตูดไม่เข้า เราถามว่าทาวาสลีนยัง พยาบาลบอกทาแล้ว

มีเจ็บเบา ๆ

สวนตูดต้องเอาน้ำสบู่ใส่ตูดเรา 1000 cc ถ้าคนไข้ไหว ก็ซัดรวดเดียวพันซีซี เมื่อวันก่อนผ่าตัดทำไปสองรอบ

วันนี้ บอกพยาบาลว่าพอแล้ว แต่พยาบาลบอกว่า อีกนิดเดียว กระซิก ๆ เราก็เลยต้องกลั้นใจกลั้นตูดไว้

เสร็จแล้วก็ไปนั่งห้องน้ำ เอาน้ำที่ใส่ตูดออก เอ้อ รอบนี้ใช้น้ำอุ่น ๆ ด้วยนะ

แล้วก็ทำใจ ไปอาบน้ำ แล้วก็ใส่เสื้ออีกแบบที่เป็นเหมือนเสื้อประกบด้านหน้าด้านหลัง แล้วมีเชือกมัด ใส่ไม่เป็นเลย ให้แม่ช่วยใส่ให้

เสร็จแล้วกลับมานอน

พยาบาลเอายานอนหลับมาให้กิน 1 เม็ด กับน้ำจึ๋งนึง

เอาแล้ว พยาบาลอีกคนมาจะใส่ท่อฉี่ คุยกับเพื่อนเมื่อวานเพื่อนบอกว่า ก็ตีหน้ามึนไปเลย

เราก็เอาวะ ใส่ก็ใส่

นอนหงายชันขาขึ้น พยาบาลก็เปิดผ้า เอากระโถนมารองตูด กระโถนเย็นเจี๊ยบ แล้วก็เช็ด ๆๆ ตรงนั้นน่ะนะ แล้วก็เอาผ้าเจาะรูสี่เหลี่ยมมาวาง แล้วก็ใส่ท่อฉี่ ทำเร็วมาก เรานึ่นึกไม่ออกเลยว่าเอาสายยางเส้นใหญ่ขนาดนั้นมายัดใส่ท่อฉี่ได้ยังไง รูมันอยู่ตรงไหน 555

เสร็จปึ๊บ รู้สีกเหมือนปวดฉี่ตลอดเวลา พยาบาลบอกว่า จะเป็นอย่างนี้ไปประมาณ 15 นาที

ซักพักก็มีคนมารับประมาณ 6 โมงครึ่งได้ ย้ายเตียงไปเตียงรถเข็น

เข็นไปตามทาง เรารู้สึกตัวตลอด ถือไอแพดไว้ตลอด

ไปจนถึงหน้าห้องผ่าตัด ถ่ายรูปแชะกับแม่รูปนึง บอกลาแอชลี

เข้าไป เค้าเข็นเราไปไว้หน้าห้องผ่าตัด ในทางเดินนั้นมีคนเดินไปเดินมา เราเห็นมีอ่างล้างมือ 3 อ่าง เวลาล้างมือเค้าจะเอาเข่าดันเปิดก๊อก

อ้อ ระหว่างนั้นก็จะมีคนมาถามชื่อเราเป็นระยะ ๆ กะว่าไม่ผ่าผิดตัวแน่

พอได้ฤกษ์เข้าห้องผ่าตัด ก็ได้ย้ายเตียงอีกรอบ

แอร์ห้องผ่าตัดเย็นมาก เราได้ห่มผ้าอีก มีคนเอาถุงเท้ายาว ๆ มาใส่ให้ แล้วก็แปะที่วัดคลื่นหัวใจ เอาที่หนีบนิ้วมาหนีบ

เราหนาวจนรู้สึกว่าสั่นเลยแหละ

เตียงผ่าตัดจะเล็ก ๆ พอดีตัวเรา หมอจะได้ไม่ต้องเอื้อมมาก

ข้อสังเกต จากที่เราเห็น คิดว่าหมอผ่าตัดใส่รองเท้าแตะนะ หะ ๆ

แล้วเวลาอันน่าตื่นเต้นก็มาถึง!!

มีหมอบอกให้เราว่า ดมออกซิเจนนะครับ

วันนั้นลมหายใจเราแบบว่าจะสั้น ๆ อะ หรือว่าปกติเป็นคนหายใจสั้น ๆ อยู่แล้วก็ไม่รู้

คิดว่าคงเป็นแก๊สยาสลบ

เราลองพยายามฝืน พยายามลืมตา แต่รู้สึกเลยว่าตาค่อย ๆ กระพริบสั้นลง ๆ จนตาปิด

.....................
..............................
.......................................

เวลาผ่านไป

รู้สึกตัวอีกทีคือมีคนมาเรียกชื่อ

ดูนาฬิกา น่าจะ สิบโมงสี่สิบห้า

เราอยู่ในห้องพักฟื้นหลังผ่าตัด

ซักพักเค้าก็เข็นเราออกข้างนอก ก็เจอแม่ เจอแบบมีสติ แต่จะง่วง ๆ หน่อย

แม่ส่งไอแพดให้ เราก็บอกแอชว่า ออกมาจากห้องผ่าตัดแล้ว แอชตื่นเต้น ไม่คิดว่าเราจะมีสติ ฮ่า ๆๆๆ

ระหว่างที่เราผ่าตัด แม่ก็โพสต์สเตตัสเฟสบุคให้เรา แบบว่ารายงานข่าวว่างั้นเหอะ

แล้วก็กลับไปห้องพิเศษเตียงคู่ของเราต่อไป

วั้นนั้นก็ยังไม่ได้กินอะไร ยังใส่น้ำเกลือและสายฉี่ ใส่สายฉี่นี่ไม่สนุกเลย พับเผื่อยสิ มันเกร็ง ๆ เวลาจะขยับตัว กลัวสายฉี่หลุด(ถ้าหลุดต้องมาเสียบใหม่อีก)ไม่รู้มันแน่นแค่ไหนหรือมันเสียบไปลึกแค่ไหน

เข็มน้ำเกลือนี่ นึกว่าเข็มเป็นเหล็ก ที่แท้เข็มเป็นพลาสติก(คือตอนเจาะก็ใช้เข็มเหล็กนั่นแหละแต่ถอดออกมา มันจะเหลือแต่เข็มพลาสติก(เทคโนโลยีเค้าอะนะ)) เราเลยไม่กล้าขยับมือมากกลัวเข็มทิ่มทะลุเส้นเลือด พึ่งมารู้ทีหลังตอนที่พยาบาลมาเอาเข็มออกให้นั่นแหละ ฮาาาาา.....

นอนตะแคงจะเจ็บตรงช่วงไหล่ขวา พยาบาลบอกว่าตอนผ่า หมอจะใส่ลมเข้าไปในท้องด้วย ลมอาจขึ้นมาถึงข้างบน

อันนี้เท็จจริงแค่ไหนก็ไม่รู้นะ แต่หลังผ่าตัด เค้าจะให้เรากินยาขับลม แอร์เอ็กซ์ อะนะ เราคิดว่า ลมที่ใส่ไปมันอยู่ในช่องท้อง ไม่ใช่อยู่ในลำไส้ มันจะขับได้เหรอ จะเกี่ยวมั้ย แต่เราก็รู้สึกว่าท้องมันป่องนะ
แล้วลมที่ใส่ไป(ไปศึกษามาสรุปว่าเค้าใส่ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์) มันก็ต้องอยู่ในช่องท้องนั่นแหละ เพราะท้องเราก็มีผนังกั้น ลมไม่น่าขึ้นมาบนอกหรือไหล่ได้

สรุปว่าก็ช่างมัน เรื่องลม เอาง่าย ๆ ว่ารู้สึกแกน(ภาษาเหนือ)ตรงไหล่ขวาเวลานอนตะแคง

ตอนบ่าย ๆ เย็น ๆ ก็มีเพื่อนมาเยี่ยม เย่ ๆ

มีอยู่ทีนึง เรารู้สึกอยากอ้วกมาก หลังจากเพื่อนคนนึงกลับไป เราบอกพ่อว่า เอาหัวเตียงลง

พอเรานอนราบ ซักพักมีเพื่อนมาอีก

เราก็ชันตัวเอาหัวเตียงขึ้นมาอีก

ทีนี้ น้ำลายฟูมปาก ภาษาเหนือเรียก น้ำลายปุ๊ จะเป็นน้ำลายเปรี้ยว ๆ ที่ออกมา แล้วก็จะอ้วก

พ่อเอาถุงมาให้บ้วนน้ำลาย

ก่อนหน้านั้นพยาบาลบอกว่าถ้าคลื่นไส้หรืออะไรก็ขอยาได้ ตอนแรกเราไม่เอา คิดว่าเราโอเค แต่อยู่ไป ๆ ไม่โอเค เราบอกว่าไปตามพยาบาลเอายาหน่อย

ระหว่างนั้นก็เหมือนจะอ้วกออกมา แต่ เอืออออกกกก ออกมาเป็นลม เหมือนเราเรอ เราก็คิดว่าท้องเราก็ไม่มีอะไร อาหารก็ไม่ได้กิน โดนสวนตรูดอีกต่างหาก พอลมออกมา ก็รู้สึกดีขึ้นอีกเป็นกองเลย

พยาบาลเดินเข้ามาถือถาด มีเข็มมีไรมากมาย เราบอกว่า รู้สึกโอเคแล้ว ไม่เอายาแล้วค่ะ

ก็จบไป เห่อ.....

วันนั้นก็ไม่ได้ทำไรมาก นอนไปมา จิบน้ำเบา ๆ

พยาบาลเข้ามาวัดไข้วัดความดันตลอด

คืนนั้นก็ได้ถอดสายน้ำเกลือ สายฉี่จะได้ถอดตอนเช้าวันถัดไป ที่จริงจะถอดเลยก็ได้ แต่พยาบาลถามว่า แล้วเราลุกไปเข้าห้องน้ำเองได้มั้ย เรายังไม่ค่อยมั่นใจ คืนนั้นเลยต้องนอนกับสายฉี่ไปอีก

ก็ไม่แปรงฟัน ไม่อะไรซักอย่างละนะ นอนไปอย่างงั้นน่ะ

เช้ามาได้ถอดสายฉี่ ดีใจมาก

ก็ลุกจากเตียง ก็เดินได้เลย เย้ ๆๆๆ ไม่ค่อยรู้สึกเจ็บด้วย ผ่าตัดส่องกล้องมันดีอย่างนี้นี่เอง

ก็กินข้าวอะไรปกติ เดินไปมาได้ แต่ก็นอนเยอะ เออแต่หมอนห้องพิเศษนอนไม่สบายเลย รู้สึกหมอนห้องผ่าตัดดีกว่า มันเป็นก้อนแข็ง ๆ ดี ที่ห้องพิเศษเหมือนเป็นหนังแฟบ ๆ ใส่ปลอกหมอน

สรุป

ไปเตรียมตัวผ่าตัดวันจันทร์

ผ่าวันอังคารเช้า และวันอังคารก็นอนทั้งวัน

วันพุธ นั่ง ๆ นอน ๆ เดิน ๆ

วันพฤหัส เคลียร์เงิน ออก รพ.

ค่าใช้จ่ายนอนโรงพยาบาล 3 คืน รวมผ่าตัด 12,xxx บาท

เราใช้สิทธิ์ประกับสุขภาพถ้วนหน้า(สิทธิ์สามสิบบาท)

ค่าผ่าตัด สี่พันห้า แต่ค่าห้องพิเศษกับบริการพยาบาลนี่คืนละสองพันกว่า น่ะจะ

ขอบคุณสำหรับการผ่าตัดที่ผ่านไปได้ด้วยดี

วันที่เราเขียนบล็อกนี่ ก็หลังจากวันผ่าตัดมาสองอาทิตย์ได้

ได้ไปฟังผลตรวจชิ้นเนื้อที่โรงพยาบาล

ก็ไม่ได้เป็นมะเร็ง เย่ ๆ เป็นซิสต์ขนาดประมาณ 5 cm มีไขมันกับเส้นผมอยู่ข้างใน ไม่มีฟัน 555

และหมอก็ไม่นัดอีกแล้ว คือถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็ไม่ต้องไปหาหมอ

ตัดไหมก็ไม่ต้อง สมัยนี้ใช้ไหมละลาย ไหมอยู่ในตัวเรา ไม่เห็นฝีเข็มเลย ไม่รู้เย็บยังไง

มีแผล 4 รู รูใหญ่ที่ใช้ใส่กล้องอยู่ตรงสะดือประมาณ 2 cm แเต่เราคิดว่าถ้าหายมันก็น่าจะกลืนไปกับสะดือนั่นแหละ และอีกสามรู อยู่ตรงแนวขอบกางเกงใน เป็นขีด ๆ ประมาณ 1 cm

ก่อนผ่าตัด เราก็พยายามออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรง จะได้ฟื้นตัวเร็ว ๆ เราก็ไปวิ่ง ไปโยคะ ไรงี้

ละก็ จบการผ่าตัดซิสต์ด้วยประการละฉะนี้

ขอบคุณที่ครอบครัวมีเงินจ่ายสำหรับการผ่าตัดในครั้งนี้

Monday, September 9, 2013

หนึ่งวันก่อนผ่าตัด - one day before sergery

เดิน ๆๆๆ ทำเรื่องเอกสาร

สุดท้ายช่วงบ่ายก็ได้มาอยู่ห้องพิเศษ

ระหว่างนั้นก็จะมีหมอพยาบาลมาเดินพูดคุย

พยาบาลมาวัดไข้ เจาะเลือดด้วย เจ็บอยู่นะ

เบื่อ ๆๆๆ

ยังไงไม่รู้ ต้องสวนตูดด้วยนี่สิ เห่ออออ

Thursday, September 5, 2013

A cup of coffee

I drank coffee today. I felt fresh and had mood to do some productive things.

Lately I stopped drinking coffee because I didn't want me addicted to it.

Few days ago I had no mood to work. I didn't want to draw pictures. But I still found something to do like reading.

I thought so much about my life. I slept so much and had a lot of dreams.

Maybe I will try to drink coffee again. Maybe good ideas come over a cup of coffee.

I have 2 cans of beer in my room but I haven't drink it yet. I don't want to have an headache in the next moring. And alcohol make me depressed sometimes in the next morning.

Actually I prefer wine (haha). Beer make me fat.

I think about buy a bottle of wine to drink, but it is kind of expensive.

Recently, I have negative thinking about money. I have no money. I have no good income.

I know, I will have to change my mind to positive.

I have to happy with the things I have.

I have to make decisions. Decision is progression.

Wednesday, September 4, 2013

How many books I have to read?

How many books I have to read to get start to do something that it works?

What should I do now?

How can I make the things right?

Who am I?

Wednesday, August 28, 2013

จิตตกอะฮะ - feel depressed

โอเค ก่อนหน้านี้ เราเคยมีทัศนคติเรื่องเงินว่า เงินหาไม่ยาก

เงินจ่ายออกไป เดี๋ยวมันก็จะกลับเข้ามา

และเราควรใช้เงินมาซื้อสิ่งที่เราอยากกิน อยากได้

ถ้าเราเก็บเงินไว้ใช้ยามตกอับหรือยามฉุกเฉินอะไรก็แล้วแต่ เราก็จะมีวันตกอับจริง ๆ

เพราะฉะนั้น ควรเก็บเงินไปทำสิ่งอื่น เช่นเอาไปซื้อประสบการณ์การท่องเที่ยว เอาไปกินข้าวกับคนที่เรารัก(บางทีอยากกินอะไรแบบดี ๆ หน่อย)

พอมาพูดกับพ่อวันนั้น

พ่อทำให้รู้สึกว่าเงินหายาก พ่อนี่จะเป็นคนบอกเราตลอดว่าให้ประหยัด แต่เราก็ไม่ได้อินกับคำสอนนี้หรอกนะ คือแบบว่าเราก็ไม่เห็นตัวอย่างจากพ่อหรือแม่ไง และไม่เข้าใจว่าประหยัดนี่คือต้องใช้เงินยังไง ต้องกินข้าว 30 บาททุกมื้อหรือต้องซื้อของใช้ราคาถูก พ่อแม่ไม่เคยสอนลงรายละเอียดไง

บ้านเรานี่เป็นหนี้ตลอดเวลา คือว่าพ่อก็กู้ตลอด เวลาจะสร้างบ้าน จะซื้อรถ ก็จะกู้

แต่เราไม่เคยได้รับรู้ตัวเลข

พ่อแม่จะบอกตลอดว่า อยากทำอะไร อยากได้อะ ก็บอกมา อะไรงี้อะ เราก็ไม่รู้ว่ามันต้องยังไงอะ สมมุติอยากได้ของชิ้นนึง หรืออยากได้รถคันนึงนี่ต้องบอกยังไง

เมื่อก่อนก็เคยบอกไป แต่เราคิดว่า มันน่าจะ เราบอกไปปุ๊บ พ่อแม่จะพยายามหาทางให้เราได้ของสิ่งนั้น แล้วพ่อแม่ก็จะคิดว่า นี่แหละ พ่อแม่รักเรา ถึงยอมซื้อให้เราได้ มันเป็นเงินที่มากเชียวนะ พ่อแม่อาจคิดงี้ แต่เราไม่รู้ ไม่เคยรับรู้ เพราะพ่อแม่ไม่เคยบอก

พ่อแม่คาดหวังให้ลูกคิดเอง

จะบอกให้ว่า คนเรานะ พูดกันตรง ๆ นี่ง่ายกว่า มันเลยกลายเป็นนิสัยคิดแทนคนอื่นไป ในสังคมเราน่ะ พ่อจะชอบมั้ย แม่จะชอบมั้ย พ่อแม่จะเสียใจมั้ย ต้องคิดเอง

เราคุยกับเพื่อน เพื่อนบอกว่า ไม่กล้าบอกเรื่องไม่ดีกับพ่อแม่ เพราะกลัวพ่อแม่จะเสียใจ ก็เลยบอกแต่ด้านดี ๆ ของตัวเองไป แต่ในความเป็นจริง คนเราทั้งตัวพ่อแม่และเรานั้นมีสองด้าน คือทั้งด้านดีและไม่ดี พ่อแม่ก็เลือกที่จะพูดด้านดีกับลูก เช่นพ่อได้เลื่อนตำแหน่ง ได้ตกเบิก บลา ๆๆ ลูกก็พูดว่า ได้เกรดดีหยั่งงั้นงี้

เราคิดว่าคนเราควรพูดเรื่องที่ไม่ดี เรื่องที่ทำผิดพลาดด้วย เช่น พ่อเผลอไปเซนต์ค้ำเค้าไว้ เลยต้องมาใช้หนี้แทนเลย หรือเคยทำผิดพลาดอื่น ๆ เพราะคนเราสามารถเรียนรู้ได้จากความผิดพลาด และเรื่องก็ยังฟังดูสนุกกว่าด้วย ที่เราจะได้เรียนรู้ว่า พ่อแม่หรือเราผ่านจุดนั้นมาได้ยังไง แก้ปัญหาได้ดีหรือไม่ดี ได้เรียนรู้อะไรจากเรื่องนั้นบ้าง

โอเค จากการที่เราไม่พูดกันตรง ๆ

พ่อจะซื้อรถให้เรา

พอเราได้มารู้เรื่องเงินของบ้าน เราก็รู้สึกว่า "เราไม่คู่ควรกับการได้รถ" นี่ มันเกิดความรู้สึกอย่างนี้ ซึ่งเราไม่อยากรู้สึกอย่างนี้เลย ก่อนหน้านี้เรารู้สึกว่า พ่อแม่มีหน้าที่ต้องเลี้ยงดูลูกอย่างดีที่สุด เพราะว่าพ่อแม่ทำให้เกิดลูกมา พูดง่าย ๆ คือถ้าไม่มีปัญญาเลี้ยงก็อย่ามีมันเลยลูกน่ะ พูดตรงๆ พ่อแม่มีหน้าที่ส่งเสริมในสิ่งที่ลูกอยากทำ ทำให้เค้าก้าวไปให้ได้สูงที่สุดในชีวิตเค้า

ถ้าพ่อแม่ที่มีลูกเพื่อหวังจะให้ลูกมาเลี้ยงตอนแก่ เรามองว่าเห็นแก่ตัว คือคิดมีลูกก็เพื่อตัวเองน่ะ

และมาถึงตอนนี้ เราก็ยังไม่รู้เรื่องการเงินที่บ้านอยู่ดี และไม่รู้ว่าพ่อแม่จะเลี้ยงเราไปถึงเมื่อไหร่ และไม่รู้เมื่อไหร่เราถึงจะเลี้ยงตัวเองได้ และเมื่อไหร่เราถึงจะเลี้ยงพ่อแม่ได้

อยากมีความสุขในชีวิตทุก ๆ วัน อยากมีเงินใช้เท่าที่ใจอยากจะใช้

แต่พ่อเรามองว่า ก็มีกิน มีเงินเดือนทุก ๆ เดือน มีวันหยุดทุก ๆ เดือน แก่มามีบำนาญ มันไม่รวยแต่มันก็อยู่ได้

ความคิดมันต่างกันอย่างงี้

เราจะไฟท์ในแบบของเรานี่แหละ เราคู่ควรกับทุกสิ่งบนโลกนี้ที่เราอยากจะได้!

มาโรงบาล - go to the hospital

มาโรงบาลตามหมอนัดจะมาตรวจก่อนผ่าตัดซิสต์

ตื่นหกโมงครึ่ง แถ ๆ หลับต่อถึงเจ็ดโมง

เมื่อคืนก็งดน้ำงดอาหารมาตี้งแต่ 2 ทุ่มละ

ออกมา 7.30

ซื้อของกินที่เซเว่น คิดว่าหลังเจาะเลือดน่าจะกินอะไรได้

วันนี้รู้สึกไม่สดชื่น เมื่อวานไม่ได้กินกาแฟ วันนี้ตอนเช้าปวดหัวนิด ๆ

มาถึงที่จอดรถหายากมาก ไม่รู้เค้าจัดให้จอดที่ไหน จอดไปเรื่อยอะ

ถามยามยามก็บอกให้หาเอง

จอดรถได้

เดินมาจ่ายตังค์ก่อน 1,530 บาท

คิดว่าน่าจะเป็นค่าตรวจเลือด ตรวจฉี่ เอกซ์เรย์ปอด

เสร็จแล้วมารับบัตรคิวห้องเจาะเลือด เอาบัตรคิวมาติดเอง รอเรียก

ได้คิว 391 ตอนที่เอาคิวคือ 181-190 กำลังเจาะเลือดอยู่

ที่นั่งไม่พอ แต่เราก็รอซักพักก็ได้ที่นั่ง

นั่งรอชิล ๆ ชั่วโมงกว่าได้ ก็ได้เข้าไปเจาะเลือด

เดี๋ยวนี้โรงบาลมีเครื่องมือทันสมัยมาก มีเครื่องแจกหลอดใส่แซมเปิ้ลเลือดอะ

เอาถาดใส่เข้าไป โครก ๆๆ ออกมาก็มีหลอดทดลองที่เอาไว้ใส่เลือดมาเลย ฝาจุกสีแดงสีม่วง ก็ว่ากันไปแล้วแต่คน

ไปถึงคนเจาะเลือด เหลือบไปเห็นคนเจาะเลือดก่อนหน้า โดนดูดเลือดจากเข็มฉีดยา ดึงแล้วเลือดก็ไม่ขึ้นมาในเข็ม เราคิดว่าคงเจาะไม่โดนเส้นเลือด เรานี่แป้ว ขอให้ได้คนเจาะดี ๆ

สรุปว่าได้คนเจาะอื่น เค้าก็ถามชื่อเราก่อนว่าตรงมั้ย

ของเราได้เจาะใส่ 4 หลอด เค้าจะมีเข็มใหญ่อันนึงเจาะ 1 ครั้ง แต่สามารถเอาหลอดทดลองนั่นมาเสียบ รับเลือดเราไปได้เลยทีละหลอดจนครบ เวิร์คมาก

แล้วก็ไปฉี่ใส่ขวด

ฉี่ก็เล็งไม่ค่อยตรง ห้า ๆ เลอะเทอะนิด ๆ แล้วก็มีฉี่นิดเดียวเพราะว่าอดน้ำมา

เสร็จแล้วก็เอาฉี่ไปให้เค้า

ไป x-ray ปอดต่อ

ไปถึงยื่นใบ จ่ายอีกสองร้อยกว่า

ก็ไปเปลี่ยนเสื้อ แล้วก็ไป x-ray อันนี้เร็วมาก

ทุกอย่างเสร็จประมาณ 10 โมงกว่า

เสร็จเลย เช้านี้ ก็นั่งกินหนมปัง แล้วก็ไปนั่งร้านกาแฟกับเพื่อนที่เรียนอยู่ในโรงบาลนั้น

แล้วก็เลยกินข้าวเลย ก่อนที่จะไปฟังผลต่อที่อีกตึกนึง

เหมือนเดินไปทำเควส ที่จริงมีป้ายบอกตลอดทางนะว่าห้องเลขอะไรไปทางไหน มันก็จะอยู่บริเวณเดียวกันนั่นแหละ แล้วก็พอไปถึงห้องจุดเริ่มต้นตรวจต่าง ๆ เค้าก็จะมีป้ายบอกเป็นลำดับว่าทำอะไรก่อน เช่นรับบัตรคิว หรือเอาสติ๊กเกอร์คิวติดเอง หรือวางเอกสารตรงนี้ อะไรงี้ ถ้าอ่านซักหน่อย ช่วยได้เยอะเลย

เกือบบ่ายก็มานั่งรอหมอฟังผล อ้อ แต่ต้องไปอัลตร้าซาวด์ก่อน

พยาบาลถามว่าแต่งงานหรือยัง ตรวจภายในได้ไหม เราบอกว่ายังไม่ได้แต่งงาน แต่จะตรวจภายในก็ได้ เรายอม กี๊สสสส...เอาวะ

แต่เค้าก็บอกว่า ไม่เป็นไร อัลตร้าซาวด์ก็พอ

แถว ๆ นั้นก็จะมีคนท้องเดินไปเดินมาเยอะเลย

จะอัลตร้าซาวด์ ต้องกินน้ำให้ปวดฉี่มาก ๆ แบบระดับ 10 เลย คือปวดแบบจะฉี่แว้ววววว

เราเคยมาก่อนรอบที่แล้ว เพราะฉะนั้นเราเลยังไม่ฉี่ แต่รักษาระดับความปวดฉี่ไว้ พอจะได้ตรวจก็กินน้ำเพิ่มไป ก็ได้ที่ ไม่งั้นต้องกินน้ำเยอะมาก กว่ามันจะลงไปกระเพราะปัสสาวะ

พอปวดฉี่ก็ไปบอกเค้า ก็เข้าไปอัลตร้าซาวด์

เค้าก็จะเอาเจลมาทา แล้วเอาเครื่องมากดดู แหม้....ก็เกร็งสิ ปวดฉี่น่ะ แล้วเค้าก็จะวัดขนาดซิสต์เรา

เสร็จ

ไปฉี่ แล้วก็กลับมารับผล

ได้ผลทุกอย่าง ก็รอพบหมอ

ถึงคิว ก็มี นศ.แพทย์อยู่ 2 คนมาฟังด้วย

หมอบอกว่าผลเลือดก็ดี ปอดก็ได้ แต่ฉี่มีเม็ดเลือดแดงเด๋วจะให้มาตรวจซ้ำ อาจเป็นเพราะว่าใกล้เป็นประจำเดือน เลยมีเม็ดเลือดแดงติดมา ซึ่งก็มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า และก็คอนเฟิร์มวันผ่า

เราก็โอเค ตามนั้น

เสร็จทั้งหมดก็บ่ายสองกว่า

เอาวะ จะผ่าวันที่ 10 เดือนกันยา ตอนเช้า แต่จะไปรพ.วันที่ 9 เพื่อเตรียมตัว

เราก็ลือถามพยาบาลหน้าห้องเรื่องห้องพิเศษว่าจะต้องจองอะไรยังไง

ผ่าแบบส่องกล้องนะ Laparoscopic surgery

เราคิดว่า ก็น่าจะผ่านไปด้วยดีแหละนะ เอาวะ ๆๆๆ

Sunday, August 25, 2013

วันนี้เพลีย - very lazy day

ตื่นก็สิบโมง ตอนช่วงเช้าก็หลับ ๆ ตื่น ๆ

ออกไปกินข้าว 11 โมง

กลับมานอน ๆ หลับ ๆ ไปอีกนิดส์

ออกห้องอีกบ่ายสองได้

ไปร้านกาแฟ กินกาแฟแก้ว

ห้าโมงกว่า กลับห้องมา

นอนอีก ที่จริงกะว่าจะกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าไปวิ่ง

หลับอีก ถึงทุ่ม

ตื่นมานั่งวาดรูปได้หน่อย

ข้าวเย็นไม่ได้กิน กินนมไปกล่อง

หมดละวันนี้

Thursday, August 22, 2013

ในที่สุดก็มีคนมาเอากระเป๋าที่เก็บได้ซักที - long stroy about the card wallet i've found

เก็บกระเป๋าได้ วันนั้นจะไปช็อปปิ้ง จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย

เปิดไอแพด หาชื่อเค้าในเฟสบุค เจอ ส่งข้อความไปให้

คืนนั้น เอาชื่อเค้าไปเซิชกูเกิ้ล เจอ โทรหา ไม่มีคนรับ

วันถัดมาและอีกหลายวัน เรากลับบ้าน เราก็ไม่สนใจ รอเค้าติดต่อมา ก็ไม่ติดต่อมา

สัปดาห์ถัดมา เรากลับมาเชียงใหม่

เราโทรหาเบอร์ที่เจอตอนกลางวัน มีคนรับสาย ได้คุย เป็นผู้หญิงลูกน้องเจ้าของกระเป๋า

ตอนแรกจะให้เราส่งปณ.ให้ แล้วเค้าก็เปลี่ยนใจ บอกว่าเด๋วให้เจ้าของกระเป๋าติดต่อกลับ

อีกสองวันถัดมาเจ้าของกระเป๋าโทรมาซักทุ่มสองทุ่มได้ เราบอกไม่สะดวก

นัดกันวันถัดไปตอนบ่ายสองที่ร้านกาแฟ

เราติดธุระกับเพื่อน เราเลยโทรเลื่อนนัดเป็นบ่ายสาม แต่เราก็บอกว่าถ้าไม่เจอเรา ก็ไปเอากระเป๋าได้เลย เพราะเราฝากไว้ให้ที่ร้านกาแฟแล้ว

คนที่เราคุยด้วยคือลูกน้องผู้หญิง เพราะเราโทรไปเบอร์เค้าแล้วเค้าไม่รับ

พอเรากลับไปร้านกาแฟตอนบ่ายสามกว่า ถามคนที่ร้าน บอก ไม่เห็นมีคนมาเอา

เราก็เอ้อนะ..ทำไมไม่มาไม่โทรบอกอะไรซักอย่าง เราก็ชักจะหมดใจ ทำไมคืนกระเป๋ามันยากอย่างนี้

ตอนเย็น มีเบอร์เจ้าของกระเป๋ายิงมาหาเรา 1 วินาที เราคิดในใจว่า กะอีแค่โทรกลับก็ไม่โทร ยิงมา อี้ว่ะ

ซักตอนดึก ๆ สองสามทุ่ม มีคนโทรมาเป็นผู้ชาย บอกว่า เป็นลูกน้องเจ้าของกระเป๋า โทรมาขอโทษที่ไม่ได้แวะไปเอากระเป๋า งานเยอะ เลยลืม เราก็ว่าไม่เป็นไร พรุ่งนี้ถ้าว่างเมื่อไหร่ก็ไปเอา เราฝากกระเป๋าไว้ที่ร้านกาแฟแล้ว

วันนี้คือวันที่มีคนมาเอากระเป๋า คนที่ร้านกาแฟโทรหาเรา เราก็บอกว่ากระเป๋าอยู่ในลิ้นชัก

แล้วคนที่มาเอากระเป๋าก็เอาตังค์ให้พันนึง แหม่ อยากได้ซักแสน จะได้พาคนที่ร้านไปกินไวน์ ก๊ากกก

เค้าบอก เจ้านายเค้าฝากมาให้

เราก็เลยบอกคนที่ร้าน ว่าเอาใส่ทิปเลย แล้วค่อยไปกินไรกัน

จบละ เรื่องราว

เอากระเป๋าคืนได้ เราก็ดีใจละ เก็บไว้ที่เราก็ไม่รู้จะเอาไปทิ้งยังไงที่ไหน

เยสสสสสสสสสส พอใจ!

Monday, August 19, 2013

ลังเล - hesitate

วันนี้ ช่วงนี้ เป็นอะไรไม่รู้ ลังเลในชีวิต

ตอนแรกก็ว่าจะไม่ทำงานใช้ทุน จะชดใช้เป็นเงิน

ผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ มา ทั้งเรื่องที่ได้คุยกับพ่อ

ทำงานวาดรูปขาย แต่ก็ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ไอเดียไม่เกิด

เงินไม่มี

กลับมาคิดหรือว่าจะหางานทำ

งานอะไรก็ยังไม่รู่้ แต่ได้เงินเป็นเดือน ๆ ไปน่ะ

ในหัวคือ ต้องไปทำงานแบบผีตายซากแน่ ๆ เลย ต้องไม่มีความสุขแน่ ๆ เลย ทำไมเราถึงคิดอย่างนี้นะ

หรือว่าจะหางานทำ จะเปิดเว็บหางานดีมั้ยนะ

คิด คิด คิด และก็ คิด.....

--------------------------------

โชคดีที่โลกนี้มีการเขียนบล็อก ทำให้ได้ปลดปล่อยความคิดได้บ้าง

คิดอยู่คนเดียว ไม่ได้ระบาย คงจะเครียดมากกว่านี้

เคยเขียนไว้ในโพสต์ไหนก็ไม่รู้ว่า ช่วงไหนที่เขียนบล็อกเยอะ ๆ คือช่วงนั้นเครียด

ไปละดีกว่า บึย

ไปขอสัญญารับทุนมา - Contract

ไปขอก๊อปปี้สัญญารับทุนมา หวังว่าจะเป็นหลักฐานเอาไปยื่นขอวีซ่าไปอเมริกาได้

เพราะมีพันธะต้องกลับมาทำงานชดใช้ทุน

แต่พอเอามาอ่าน

สัญญาอยู่ในมือ

มันรู้สึกแบบเหมือนโลกหมุนเอาเรื่องราวและคนต่าง ๆ เข้ามา

ทั้งพ่อที่เซนต์ค้ำทุน แม่อีก

เรากำลังทำอะไรของเรากันนะ

แล้วควรจะทำยังไงดีนะ

อยากให้มีเสียงที่ถูกต้องตะโกนบอกหน่อย ว่าควรจะทำยังไง ควรจะใช้ชีวิตยังไง

ทำยังไงดี ๆๆๆๆๆ

ขอบคุณสำหรับการตัดสินใจที่ถูกต้อง

ระยะทาง - distance

Distance from New Orleans, Louisiana to Chiang Mai, Thailand is:

9066.9 Miles 

( 14591.7 Kilometers / 7873.7 Nautical Miles )

Approximate flight duration time from New Orleans to Chiang Mai is:
18 hrs, 50 mins

จากเว็บ http://www.happyzebra.com/

----------------------------------------------------------------

เอาละนะ ถ้าวิ่งรอบสนามกีฬา 700 ปี

รอบละ 1.85 km จะต้องวิ่ง 7,887 รอบ

ใช้เวลารอบละ 15 นาที จะต้องใช้เวลาทั้งหมด 118,305 นาที

ซึ่งคิดเป็น ประมาณ 82 วัน

ถ้าวิ่งไม่หยุดทั้งวันทั้งคืน ต้องใช้เวลาประมาณ 3 เดือนอะ กว่าจะถึงบ้านแอช

แต่จริง ๆ ต้องว่ายน้ำข้ามทะเลอีก เพราะว่าทะเลไม่มีทางวิ่ง

ถ้าไปแบบนี้จริงไม่รู้ว่าตอนไปถึงสภาพจะเป็นยังไง

โชคดี ที่โลกนี้มีเครื่องบิน ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ ที่จะได้ไปนะ

กลัว - fear

เมื่อวานดูปฏิทิน เริ่มเห็นวันที่จะต้องไปหาหมอ แล้วก็ไปผ่าตัด

เหลือเวลาอีก 1 อาทิตย์นะนี่

ชักจะเริ่มกลัว

ก็คนมันไม่เคย

มันหวั่น ๆ หวิว ๆ ยังไงก็ไม่รู้

แต่มันก็คงจะผ่านไปได้ ไม่รู้จะเป็นยังไงเหมือนกัน

Sunday, August 18, 2013

ไม่มีสมาธิ - can not focus

ทำไมจิตใจมันไม่จดจ่อกับอะไรเลย

อยู่หน้าคอม จะอ่านอะไรเป็นชิ้นเป็นอันก็ไม่อ่านนะ

เห็นตัวหนังสือเยอะ ๆ ก็ไม่อยากอ่านละ

เปิดหน้าเว็บ เปิด ๆ ปิด ๆ

คิดว่าไปอาบน้ำน่าจะดีนะ

Thursday, August 15, 2013

หลับตอนเย็น - take a nap in the evening

วันนี้ง่วง ก็เลยหลับตอนเย็น

วันนี้ตอนเช้า ไปทำงาน ถ้าวันไหนทำงาน วันนั้นจะหมดแรง หลับตอนเย็นตลอดเลยอะ

ซักสี่โมง เริ่มแบบอยู่ไม่ไหวแล้วอะ กลับห้องมาหลับ ถึงหกโมง ไม่ไหวอีก หลับต่อถึงทุ่ม

โห่ ชีวิต หลับไป 3 ชั่วโมง ไม่ไหวนะ

รู้สึกว่าร่างกายอ่อนแอ

คงต้องออกกำลังกายสินะ

ช่วงนี้รู้สึกตื้อ ๆ คิดอะไรไม่ออก คิดงานก็ไม่ออก หรือว่าเครียดนะ

อยากจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกค้า แต่ไม่รู้ลูกค้าต้องการอะไร

ต้องหาก่อนว่าลูกค้าอยากได้อะไร

ต้องทำในสิ่งที่เค้าอยากซื้อ

จะทำยังไงถึงจะมีเงินไปอเมริกานะ คิดทุกวัน คิดทุกเวลา

Wednesday, August 14, 2013

พูดกับพ่อ - talk to dad

วันนี้กินข้าวเย็นเสร็จ

บอกพ่อว่าขอยืมเงินเอามาใส่บัญชีหน่อย จะขอวีซ่าไปอเมกา

พ่อไม่มีเงินให้ พ่อบอกว่าเงินเดือนก็พอสำหรับแต่ละเดือน

เราก็เลยต้องคิดหาวิธีจะทำยังไงไป

พูดเลยไปถึงหลาย ๆ เรื่อง

ทั้งเรื่องนิสัยเราตอนเด็ก ๆ เรื่องความคิดของพ่อความคิดของเรามันมักไม่ตรงกัน

เหมือนได้เปิดใจระบาย พ่อก็ร้องไห้ออกมาตอนเราถามว่าสิ่งที่พ่อคิดว่าทำผิดพลาดในชีวิตคือส่งเราไปเรียนในเมืองตั้งแต่เด็ก ทำให้เรากับพ่อไม่สนิทกัน ตอนเราเด็ก ๆ เราก็รู้สึกขาดความอบอุ่นนะ แต่มันก็ผ่านมาแล้ว

เราก็จุกเหมือนกัน แม่ก็ไปกอดพ่อ

---------

เอาล่ะ
แผน1
แผนการคือ ไปอเมริกา โดยมีเงินเหลือเฟือ จะไปทำงานวาดรูปขายที่บ้านแอช
แล้วจะกลับไทยมาตอนเดือนมกราปีหน้าพร้อมทั้งเอาแอชมาด้วย
แล้วจะหาที่อยู่ด้วยกัน ให้แอชทำงานสอนภาษา เราอาจหางานราชการทำหรือไม่ก็วาดรูปขายอีก มีชีวิตที่สบายและมีความสุข
จะอยู่บ้านที่ปลูกต้นกระเพรา อาจเลี้ยงแมว บ้านหลังนั้นจะโอเคป่าวนะที่ 9.9ล้านน่ะ

แผน2
ไม่ไปอเมริกา ทำงานวาดรูปขาย ไปจนถึงสิ้นปีนี้ แล้วจะประเมินสถานการณ์อีกที

เอาเท่านี้ก่อน อ้อ จะปลดหนี้พ่อแม่ด้วย

Tuesday, August 13, 2013

ที่ไหนคือที่ของเรากันนะ - where is the place that i belong to

อยู่บ้านหลายวัน

รู้สึกแบบว่ายังไม่ชิน บ้านไม่ค่อยใช่บ้านยังไงก็ไม่รู้

ตอนกลางวันพ่อแม่ก็ออกไปทำงาน

อยู่ในบ้านคนเดียว

ดีที่มีอินเตอร์เน็ต ฉันก็นั่งทำงานวาดรูปของฉันไป

พ่อเข้าบ้านมาตอนเย็น ถามว่าไ่ม่ออกไปไหนเหรอ

เราก็ออกแล้วนะ ออกไปหาแมว แต่หาแมวไม่เจอ กลับมาในบ้านต่อ

วันนี้ เล่น candy crush วาดรูปในคอมส่งรูปใหม่ไปอีก 1 รูป ส่องเฟสบุค อ่านเว็บต่าง ๆ ในคอม เดินไปกินน้ำ คอยดูแม่กดละลายน้ำแข็งไว้ เอาถาดรองน้ำในตู้เย็นไปเท

ใครจะรู้บ้างนะว่าเราทำอะไรอยู่

เราคิดว่าสิ่งสำคัญคือเรารู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เอาแค่นี้ก่อน

บ้านก็ของเยอะ

ถ้าจะทำความสะอาดก็ได้ แต่ก็ไม่ทำ

ช่วงนี้นิ้วมือแตกอะ เพราะว่าช่วงก่อนทำงานร้านกาแฟเยอะ ล้างของเยอะ มือแตกเลยอะ

พอกลับบ้านมา ไม่ได้ช่วยแม่ล้างถ้วยเท่าไหร่เลย

คือ ก็ล้างไปครั้งนึง แบบว่าทำใจ เอาวะ มือมันก็แห้งมาแต่ยังไม่ถึงขั้นเจ็บแบบแตกแล้วเลือดซึม

แต่ก็ไม่อยากมือเปียกน้ำ ถามหาถุงมือ แม่บอกไม่มี แม่บอกแม่ล้างก็ได้

แต่แบบว่าเราก็รู้สึกอยากช่วย เห็นมีจานอยู่ ก็อยากจะล้างให้มันเสร็จ แต่มือมันแตกอยู่อะ

รู้สึกผิด โอ้ย ไม่อยากให้เกิดความรู้สึกแบบนี้เลย

ต้องอยู่ที่ไหนถึงจะรู้สึกว่ามันใช่ที่ของเรานะ

คิดถึงแอชลี

แม่ไม่ค่อยเห็นด้วยที่จะไปอเมริกา

อนาคตจะเป็นยังไงนะ


จะมีเงินไปอเมริกามั้ยนะ

Friday, August 9, 2013

เก็บกระเป๋าบัตรคนอื่นได้ - found somebody card wallet

มาช็อปปิ้ง

จอดรถเสร็จ

เดินมา เจอเป๋าตก

เปิด ๆ ดู หาชื่อตามบัตร

โอ้ย มาซื้อของไม่มีสมาธิเลย ตื่นเต้น

มันจะเป็นยังไงต่อไปนะ

จักรวาลจะนำอะไรมาให้เรานะ

Saturday, August 3, 2013

เรื่องทั้งหมด เราดึงดูดเข้ามาเอง - everythings i have attracted

ห๊ะ อะไรนะ

เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เราเป็นคนดึงดูดเข้ามาหรือนี่ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ

พึ่งคิดได้ตอนอาบน้ำ

นั่นสินะ อยากให้เรื่องมันเป็นยังไงก็คิดอย่างงั้น

เพราะฉะนั้นต้องคิดหาแนวทาง คิดในสิ่งที่ดี จะได้เรื่องดี ๆ มาเป็นประสบการณ์ชีวิต

นี่อาจจะเป็นกระบวนการ(process) ของชีวิตก็ได้

ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ

รู้สึกเหมือนโดนแย่งของ - someone took it

กำลังจะเคยชินกับชีวิตโสด

เลิกงาน กินข้าว กินเหล้ากับเพื่อนบ้าง ชีวิตก็ดูไม่เหงา

พอจักรวาลส่งของขวัญมาให้

เหมือนเด็กตื่นเต้นกับของขวัญ ดีใจมาก

ชีวิตไม่เหงาในแบบที่เคยอีกต่อไป

จิตใจได้รับการเติมเต็ม

ร่างกายได้รับการสัมผัส

ได้แบ่งปันตัวเรากับอีกคนหนึ่ง

เหมือนแผ่ขยายความเป็นตัวเราออกไป(นึกถึงภาพแบบว่าแสงออกจากตัวเราสาดออกไปทุกทิศทาง อะไรอย่างงั้นเลยทีเดียว)

อยู่มาวันหนึ่ง

คนและสิ่งของที่มีตัวตนเหล่านั้นได้หายไป

เหลือแต่ความรู้สึกเก่า ๆ รูปในวันเก่า ๆ

ไม่มีการสร้างประสบการณ์แบบว่า interaction ร่วมกันอีกแล้ว

มีประสบการณ์ใหม่ ๆ เข้ามาแทน

ประสบการณ์การคุยทางไกล ขอบคุณที่โลกนี้มีเฟสไทม์

ความรู้สึกใหม่ ๆ มันก็เติบโตเหมือนกันนะ

บางทีรู้สึกเหมือนฝัน

แล้วก็ตื่นมา ไม่มีอะไรเลย มีแต่ความรู้สึกที่ยังคาอยู่

เหมือนมีคนให้ของ แล้วซักพัก ก็มาเอาของนั้นไป

เอาล่ะ

แต่ของของเราถ้ามันจะเป็นของเรามันก็จะเป็นของเราแน่นอน

Friday, August 2, 2013

เติมลมฟรี - free air

ปกติร้านซ่อมรถหรือตามปั๊มต่าง ๆ เค้าก็จะเติมลมฟรีกันใช่มะ

เกิดมาก็ยังไม่เคยเจอเก็บตังค์

มีอยู่วันจะเอาจักรยานแอชไปเติมลม ไม่ได้พกตังค์ไป

ไปร้านซ่อมรถแถวบ้าน

ไปถึงปรากฎว่ามีป้ายเขียนว่าเติมลมเสียตังค์อะ

ฮานิบะเฮ้ย!

พยายามทำใจดี ๆ

แต่เติมเสร็จเค้าก็ไม่คิดตังค์นะ แต่ดันบริการแบบไม่ค่อยดีอะ

ทำให้เราเกรงใจไปอีก คือแบบเหมือนขอเค้ามาเติมลมน่ะ

สุดท้ายกลับบ้านไปเอาตังค์มาวางให้เค้า 20 บาท

จบ สำหรับเรื่องนี้

แล้วทำไมเติมลมร้านนี้ถึงเก็บตังค์แว้ สงสัยจักรวาลจะสอน อะไรที่เราคิดว่ามันแน่นอน มันไม่แน่นอนน่ะสิ

Thursday, August 1, 2013

ความคิดเกี่ยวกับเรื่องเงิน - thought about money

ถ้าเราคิดว่า เราต้องประหยัดเพราะเราจะจน เราก็จะจน สินะ

เราอยากจะใช้เงินกินอะไรดี ๆ ทุกวัน

แต่เราก็จะต้องประหยัด เพราะว่าเรามีเป้าหมายจะไปอเมริกา

ต้องทำวีซ่า ต้องซื้อตั๋วเครื่องบิน

ต้องทำสเตทเมนท์ให้สวยงาม

มีเงินอยู่ที่ไหนจะขนมาใส่บัญชีให้หมดเลย

บางทีมันก็กดดันเบา ๆ

แต่เรารู้ว่าเราต้องทำได้สิ

เราสามารถได้ทุกอย่างที่เราอยากได้

เราสามารถมีทุกอย่างที่เราอยากมี

เราต้องกัดไม่ปล่อย

ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ

ออกกำลังกายดีมั้ยนะ - should i go exercising

ขี้เกียจจังเลย

เหตุผลมีแค่นี้แหละ

แต่คิดว่าออกกำลังกายน่าจะทำให้ชีวิตดีขึ้นนะ

เมื่อย ๆๆๆ

ดูรูป - see the pictures

บางทีก็นั่งดูรูปแอชลี

พิมพ์คิดถึงแอชลี

I love your smile.

Wednesday, July 31, 2013

ไอเดียดี ๆ เกิดขึ้นตอนอาบน้ำ - got good idea while taking a shower

หลาย ๆ ที ก็คิดอะไรดี ๆ ออกตอนอาบน้ำ

เพราะว่าอาบน้ำไม่ต้องใช้สมอง

ไม่ต้องคิดว่าจะถูยังไง ขัดตรงไหน ก็อาบ ๆ ไปตามความเคยชิน

ทีนี้สมองก็เอามาคิดเรื่องที่ต้องคิด

บางทีคิดว่า เอ...​เรามีเงินอยู่ที่ไหนบ้างนะ ก็คิดออก อ้อ อยู่นั่น อยู่นี่

หรือว่าจะหาไอเดียเกี่ยวกับงาน ก็จะคิดออกว่าจะทำอะไรต่อดี

เช่นไอเดียว่า เอ้อ เดี๋ยวเขียนบล็อกเกี่ยวกับว่า ตอนอาบน้ำคิดอะไรดี ๆ ออก อย่างงี้ดีกว่า

ก็เลยมาเขียนบล็อก

อาบน้ำนี่ดีจริง ๆ

เราเคยเขียนเอาไว้ว่าสิ่งที่ทำให้เราอารมณ์ดีขึ้นได้อย่างหนึ่งก็คือการอาบน้ำ

ถ้าเครียด ๆ ก็ไปอาบน้ำ

หรือเมื่อย ก็ไปอาบน้ำ เราก็จะได้ขยับแขนขยับขา ยืดเส้นยืดสายไปด้วย

การได้อาบน้ำ แล้วได้มานอนบนเตียงที่พึ่งเปลี่ยนผ้าปูมาใหม่ ก็เป็นความสุขสุดยอดเหมือนกัน

ฮิฮิ

Tuesday, July 30, 2013

ขอบคุณอุปกรณ์ไฮเทคทั้งหลาย - Thank you for my devices

ดีจัง ที่มี macbook pro, ipad

ขอบคุณสำหรับ app ดี ๆ ทั้งหลาย

ทำให้เราทำงานได้อย่างราบรื่น ปรื๊ด ๆๆ

ขอบคุณสมองของฉันที่เรียนรู้การใช้อุปกรณ์เหล่านี้ได้ดี

ดีที่ไม่ต้องเสียบปลั๊กตลอดเวลา ฮี่ ๆๆ

โอ้ย ดีไปหมด :)

ฉันถูกหวย - i won the lottery

ขอบคุณที่ถูกหวยรางวัลที่ 1 งวด 1 สิงหาเนี่ย

ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ

ซื้อบ้าน 9.9 ล้าน

ซื้อรถฮอนด้าแจ๊ส 500,000

ซื้อตั๋วเครื่องบิน 50,000

ทำวีซ่า 5,000

ซื้อกระเป๋าเดินทางราคา 9,500

ไปกินสึนามิซูชิ 600

ซื้อจักรยาน 9,000

ซื้อนิสสันอัลเมร่าให้แม่ 500,000

ซื้อรถเบนซ์ให้พ่อ 2,000,000

ซื้อหุ้น

ชีวิต ไม่เห็นต้องยากเลย

ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ


ชีวิตนี้ดีเมื่อได้รักและถูกรัก - life is good when love and be loved

ความรักทำให้ชีวิตมีความหมาย

ความรักเป็นพลังขับเคลื่อนชีวิต

ขอบคุณสำหรับความรักที่ฉันได้รับมาทั้งหมดตลอดชีวิต

ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ

Friday, July 26, 2013

คิดถึงแอช - I miss Ashley

มันไกล

บางช่วงเวลามันก็คิดถึงมาก แต่มันไปหาไม่ได้

มันเป็นความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในใจ

แต่เราก็ต้องผ่านช่วงเวลาแบบนี้ไปให้ได้ในที่สุด

ไม่รู้ว่าเวลาที่จะได้เจอกันอีกที เราจะอยู่ที่ไหนกันนะ

เบื่อ ๆ - Bored

ช่วงนี้เบื่อ ๆ

อยากกินไวน์ไม่ได้กิน จะไปซื้อมากินดีมั้ย ซื้อมาก็เปลืองตังค์อีก กินเบียร์ก็อ้วนอีก ไม่อยากกินแบบเน้นปริมาณ อยากเน้นคุณภาพ

โดนเจ้านายบอกว่าไม่ใส่ผ้ากันเปื้อน เวลาใส่ไม่ชม เวลาไม่ใส่ก็ว่า แต่มันก็เป็นเรื่องเล็กน้อยที่โดนว่านะ แต่ว่ามันก็เลยทำให้เซ็งเหมือนกัน แต่ก็ช่างมันเหอะ ไม่คิดเล็กคิดน้อย ผ่านไป

เราต้องพยายามให้อารมณ์อยู่ในทางบวกมากกว่าในทางลบ แค่ 51% ชีวิตก็เปลี่ยนแล้ว

งานวาดรูปก็ไปได้เรื่อย ๆ เราก็เข้าใจว่ามันได้รวยข้ามคืน แต่ทำไปตอนแรกมันเหมือนไม่เห็นผลอะไร
แต่เราต้องมีความเชื่อว่ามันยังไปต่อไป เราถึงยังทำอยู่

อยากมีเงินเยอะ ๆ

ฉันรวย ฉันรวย ฉันรวย ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ

Sunday, July 21, 2013

หิว แต่ไม่รู้จะกินอะไร - hungry but have no idea what to eat

ช่วงนี้บางทีหิว แต่ว่าไม่รู้จะกินอะไร

หรือว่าขี้เกียจ

หรือว่าอะไร

ก็แหลก ๆ เข้าไป

จบละ

ซื้อ Macbook Pro มือสอง เยส

วันก่อนตัดสินใจแล้วว่าจะซื้อ

ถ้าซื้อคอมอันนี้จะเป็นคอมเครื่องที่ 3 ในชีวิต

ไปขายหุ้น เอาตังค์ออกมา

ไปร้านแมคมือสอง ไปซื้อมาเมื่อวันที่ 19

สรุปเลยละกันได้มาเป็นตัวของ early 2011 13 นิ้ว สองหมื่นเจ็ดพันถ้วน

มันเร็วกว่าคอมเก่าเยอะเลย คอมเก่าคือ dell มันก็ลงวินโดส์ไว้นานมากแล้ว

พักหลัง ๆ เริ่มเอ๋อ ๆ แบบว่าบางทีไม่รู้ว่าเน็ตช้าหรือคอมช้า

เราอยากจะทำงานให้ได้เร็วขึ้นด้วย

อยากจะทำเงินให้ได้เยอะ ๆ ชีวิตจะได้คล่องตัว

ขอบคุณคอมเดล ขอบคุณแมคบุคโปร

เอาละนะ ชีวิตจะเริ่มละนะ


Saturday, July 13, 2013

มันจะไม่มีอะไรเปลี่ยนถ้าคุณไม่ทำให้มันเปลี่ยน - Nothing changes unless you make it change

เมื่อวานดูหนังมา the Samaritans มีประโยคนี้ตอนเริ่มต้นหนัง "Nothing changes unless you make it change"

โดนใจพี่

ถ้ายังทำเหมือนเดิม อยู่ที่เดิม เหตุการณ์มันก็เหมือนเดิม

ช่วงนี้รู้สึกไม่สบายกายไม่สบายใจกับหลาย ๆ เรื่อง หลายเรื่องอยากเปลี่ยนแปลง

เรื่องงาน

สองสามวันมานี้คิดว่าจะลาออกดีไหม เพราะงานนี้ไม่ทำให้เราโตแล้ว

คือว่ามันสุดละ ถ้าไม่ขยับไปทำในตำแหน่งที่สูงขึ้น หรือหางานอื่นทำ งานที่ทำอยู่มันไม่ตอบโจทย์ชีวิต

ชีวิตที่ต้องการคือ มีเงินใช้จ่ายอย่างเหลือเฟือในทุกเรื่อง มีเวลาทำสิ่งที่อยากทำ คนทั่ว ๆ ไปก็เรียกว่ารวยนั่นแหละ

แต่งานที่ทำให้ความสนุกสนาน เราชอบงานบริการ อยากทำให้ชีวิตทุกคนดีขึ้น อยากจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ทุกคนอะนะ

ฟังดูเวอร์ แต่อยากให้ทุกคนอย่างนั้นจริง ๆ

เพราะฉะนั้น อยากมีรายได้มากขึ้น เพื่อจะได้มีชีวิตอย่างที่ต้องการ

เราได้ทำการ พยายามขายรูปให้ได้มากขึ้น ใช้เวลาอยู่หน้าคอมเพื่อทำรูปขาย แต่มันก็ต้องแลกกับการปวดหลัง เมื่อยอะ แล้วก็ต้องไปนวด ถ้านั่งอีก เมื่อยอีก ก็นวดอีก วงจรเดิม ๆ

มันก็ได้ผลมานะ แต่มันยังไม่ถึงเป้า

เราพยายามใช้สิ่งที่มีอยู่ คือว่าไม่ไปหาซื้ออะไรเพิ่ม

แต่คอมตัวนี้ช้ามาก เดี๋ยวก็ not responding อยู่นั่น พอวาดรูป จะเซฟก็ not enough memory

แบตเสื่อมอย่างรุนแรง ไฟตกนิดนึงดับเลย คือแบตเตอรี่ไม่ได้ช่วยสำรองไฟเลยอะ

เราก็เลยโทรไปหาพ่อ บอกอยากได้คอมใหม่ ขอกันอย่างงี้แหละ อย่างน้อยก็ได้ขอ พ่อบอกไม่มีงบ

เราก็มีเงินนะ อยู่ในหุ้น จะขายออกมาซื้อคอม ไม่รู้เป็นการตัดสินใจที่ถูกรึป่าว

จะซื้อคอมมือสอง ก็ไม่รู้เป็นการตัดสินใจที่ถูกรึป่าว คิดอยู่เนี่ย

พ่อก็ถามให้ไปสมัครงาน คือว่าพ่ออยากให้ทำงานราชการอะ บอกให้ไปดูเว็บกพ. เค้าเปิดสอบ เราบอกพ่อไปว่าเราไม่ดูหรอก เราไม่สนใจ

ความคิดของพ่อกับความคิดของเรามันไม่ค่อยไปทางเดียวกันอะ พ่อเติบโตมาในแบบเจนเนอเรชั่นของพ่อ เราบอกพ่อว่ากลยุทธ์ในแบบเจเนอเรชั่นของพ่อมันใช้ไม่ได้ผลแล้ว พ่อไม่เข้าใจ กลยุทธย์ที่ว่าคือ ไปทำงานเป็นข้าราชการหรือไปทำงานกับบริษัทใหญ่ ๆ ซึ่งพ่อมองว่ามีความมั่นคง แล้วสุดท้ายเกษียนก็กินบำนาญ พ่อ(และแม่เราด้วย) เป็นข้าราชการ ทำงานอยู่ในองค์กรเดิมมาทั้งชีวิตอะนะ

เราอ่านหนังสือของโรเบิร์ต คิโยซากิ กับ โดนัล เจ ทรัมป์ สรุปว่า เราจะมัวรอให้รัฐบาลคอยช่วยเหลือเราไม่ได้ เราต้องช่วยเหลือตัวเอง ต้องดูแลตัวเองให้ได้ ในหนังสือตอนหนึ่งเค้าพูดประมาณว่า ถ้าน้ำมันขึ้นราคาเป็นลิตรละร้อย เค้าก็ไม่เดือดร้อน แต่เรานี่สิจะเดือดร้อน เพราะฉะนั้น เราถึงต้องรวยไง

งานราชการ ไม่ตอบโจทย์ชีวิตเรา

เราคิดมาหลายวันว่าจะคุยกับคนที่มีอิสระภาพทางการเงิน คนนี้เรารู้จักผ่านทางกลุ่มเล่นหุ้น เค้าอายุไม่มากและพูดได้ว่าเป็นคนที่มีอิสระทางการเงินแล้ว เราทักในเฟสบุคไป เราก็คุยไม่ค่อยถูกนะว่าจะเริ่มยังไงดี ประเด็นคือ เราอยากรู้ว่าวัน ๆ เค้าใช้ชีวิตยังไงเหรอเค้าคิด เค้าทำอะไร เราถามเค้าว่าอยากได้ผู้ช่วยมั้ย เราทำงานให้ฟรี เป็นคนขับรถก็ได้ ฮ่า ๆ

แต่มันยังไงดีล่ะ มันดูจะเข้าถึงกันยากอะ มีโพสต์นึงของเค้าเราจำได้ เค้าบอกว่าถ้าอยากรวย คำแนะนำแรกคือ เลิกทำงานให้คนอื่นรวย เราจำได้เลย วันนี้เราถามถึงคำแนนำข้อที่สอง เค้าบอกว่าให้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ถ้าทำในสิ่งที่ตัวเองรัก เราจะมีความอึดมากกว่าคนอื่น

เราได้อ่านได้ฟังได้คุยถึงว่า คนเราควรทำในสิ่งที่ตัวเองรัก มาจากสื่อมากมายหลายที่หลายคน

แต่เราเหมือนติดอะไรก็ไม่รู้อยู่ สิ่งที่เรารักคืออะไร คือแมว คือกาแฟ ฯลฯ เหมือนตีโจทย์ไม่แตกซักทีอะ

กลับมาถึงงานที่ทำ

ได้คุยกับเจ้าของร้านวันนี้ เราได้เห็นมุมมองของเจ้าของร้านในการพาร้านไปข้างหน้า และในวันก่อน ๆ เราก็ได้รับรู้มุมมองในการทำงานของพนง. คนอื่น ๆ ในร้าน

เห็นเลยว่าคนเป็นผู้ประกอบการ กับลูกจ้างอะความคิดไม่เหมือนกัน

ธุรกิจ ถ้าจะให้อบู่ได้ด้วยตัวของมันเอง มันต้องอยู่ด้วย "ระบบ"

เจ้าของร้านพยายามสร้างระบบขึ้นมา ลองผิดลองถูก ซึ่งหนูทดลองก็คือพนง. ในร้านนั่นเอง เจ้าของร้านรู้ว่าปัญหามันต้องมีเกิดขึ้นอยู่แล้ว ก็จะแก้ปัญหาไป

พนักงาน ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง เอาอะไรใหม่ ๆ มาให้ลองทำหรือทำเพิ่ม ไม่ชอบ และไม่พูดเพราะไม่อยากมีปัญหา

แต่พอเจ้าของร้านถามว่ามีอะไรจะพูดมั้ย บอก ไม่มี แล้วก็มาบ่นกันเองว่า ทำไมต้องมีอย่างนั้น ทำไมต้องมีอย่างนี้ ทำไมคนนั้นก้าวหน้ากว่า

มุมมองของเราคือ คนที่ไม่ก้าวหน้า เค้าพอใจที่จะอยู่ ณ จุดนั้น ไม่ทำการเปลี่ยนแปลงอะไรอีกแล้ว

อย่างเราพอใจจะทำแค่นี้ เราไม่เดือดร้อนนะ ที่จะได้เงินเดือนเท่านี้ เงินมันมาตามผลงาน

มีอีกประโยคคือ คนรวยรับเงินตามผลงาน ส่วนคนไม่รวยเอาเวลาไปแลกเงินน่ะ

ในหัวเราเข้าใจแนวความคิดแบบนี้นะ เราอ่านหนังสือแนวพัฒนาตนเองมาพอสมควร

เราบอกเพื่อนร่วมงานว่าอยากได้เงินเยอะขึ้น เค้าบอกเราว่า เป็นฟูลไทม์สิ คือให้เราเอาเวลาไปทำงานเยอะขึ้นนั่นเอง

มันก็ได้เยอะขึ้นจริง แต่ไมาเยอะในแบบที่เราจะมีชีวิตได้อย่างสบาย ๆ อะ

ถ้าทำงานหกวัน วันละแปดชั่วโมง กลับมาก็เป็นซอมบี้แล้ว อีกวันเอาไปซักผ้า จบละชีวิต เหมือนอยู่ไปวัน ๆ เราเคยมีชีวิตแบบนี้มาเดือนหนึ่ง ทำงานก็เหนื่อย ปวดเมื่อย ไม่ต้องคิดถึงออกกำลังกายเลย ไม่มีแรงแล้ว ในสมองไม่สามารถจะคิดสร้างสรรค์อะไรได้อีกแล้ว เหนื่อยเกิน และมันก็ไม่ใช่ชีวิตในแบบที่เราต้องการ

เรื่องความรัก

ขอบคุณจักรวาลที่ส่งความรักดี ๆ มาให้ แฟนเหมือนเป็นของขวัญ ส่งมาได้ถูกที่ถูกเวลา

ทำให้คิดได้ว่าบางสิ่งที่เรายังไม่มีในตอนนี้ อาจเป็นเพราะยังไม่ถึงเวลาของมันก็ได้

ณ วันนี้ ถึงเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน ถึงเราจะเหงา แต่เราก็ต้องผ่านมันไปให้ได้

ถ้าอยากอยู่ด้วยกัน ก็ต้องทำอะไรซักอย่างให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

อยากมีบ้านก็ต้องซื้อบ้าน

อยากมีรถก็ต้องซื้อรถ

ช่วงเวลาที่ห่างกัน เราเชื่อว่ามันจะทำให้เราทั้งคู่เติบโต

เธอได้กลับไปบ้านของเธอ(ซึ่งไม่ได้กลับมานานแล้ว) ได้กลับไปเจอครอบครัว เจอเพื่อน ได้ไปบอกเล่าประสบการณ์ชีวิตที่ได้พบเจอมาจากอีกฟากโลกหนึ่ง ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่ดี

ชีวิตเราเอง ก็ต้องคิดว่าจะทำยังไงต่อ เราก็เหงาแต่ก็ต้องหาอะไรทำ เหมือนมีปัญหาเราต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อแก้ไขมัน ต้องยอมรับว่าปัญหามีได้ตลอดเวลา เราก็แค่แก้ปัญหาเอง ยิ่งปัญหาใหญ่แค่ไหน เราก็จะยิ่งเติบโตมากขึ้นเท่านั้น

และเราก็รู้ว่าดื่มแอลกอฮอล์ไม่ช่วยแก้ปัญหา มันอาจช่วยเราในตอนต้นให้เรารู้สึกดีขึ้น แต่ปัญหาจะหมดไป เราต้องแก้เอง แต่ก็ไปดื่มบ้าง เพื่อความหนุกหนาน ไรเง้ บางทีคนเราก็ต้องการแอลกอฮอล์

สุดท้ายนี้เราต้องรักในชะตาชีวิตตัวเอง (Amor Fati)

เคป้ะ

วันนี้เขียนเยอะเลย ถ่ายรูปมาลงบางหน้า




พอละ โพสต์นี้ยาวจุงเบย


Wednesday, July 10, 2013

เปลี่ยนชนิดใบขับขี่และทำใบขับขี่สากล - change the type of driver's license and do new international driving license

สรุปว่าใบขับขี่มันคือ driver's license หรือ driving license กันแน่นี่

แต่คำว่าต่อใบขับขี่เค้าเขียนว่า renew ไม่ใช่ extend

แผนการมีใบขับขี่สากลกำลังจะเป็นจริงแล้ว

ต้องมีใบขับขี่รถยนต์แบบ 5 ปีก่อน

แต่ก่อนจะมีแบบ 5 ปี ต้องมีแบบ 1 ปีก่อน

วันนี้มาเปลี่ยนแบบ 1 ปีเป็น 5 ปี

มาถึงประมาณ 9 โมง อ้อ แต่ถ้ามาทำใบขับขี่ใหม่แบบที่ต้องมีอบรมและสอบต้องมายื่นเอกสารในช่วง 8.10-8.50น. ถ้าเกินเวลาเค้าให้มาใหม่ หะ ๆๆ

มาต่อเรื่องของเรา

หลักฐานคือ
1.สำเนาบัตรประชาชน(เอาตัวจริงไปด้วย)
2.ใบรับรองแพทย์
3.ใบขับขี่เดิมตัวจริง

สำเนาทะเบียนบ้านไม่ใช้ เราทำที่เชียงใหม่น่ะ บอกเฉย ๆ

ใช้เวลาทำไม่นานก็เสร็จ ทำแบบสมาร์ทการ์ด ค่าเสียหายทั้งหมด 605 บาท

ทีนี้ก็จะทำใบขับขี่สากลต่อโดยใช้ใบขับขี่รถยนต์แบบ 5 ปีที่พึ่งได้มาแบบร้อน ๆ

เอาไปถ่ายเอกสารร้านถ่ายเอกสารตรงนั้นเลย

หลักฐานทำใบขับขี่สากลคือ
1.สำเนาบัตรประชาชน(เอาตัวจริงไปด้วย)
2.สำเนาใบขับขี่แบบ5ปี(เอาตัวจริงไปด้วย)
3.สำเนาพาสปอร์ต(เอาตัวจริงไปด้วย)

นั่งรอเรียกจ่ายเงิน 505 บาท

เค้าบอกให้มารับได้ตอนบ่าย 2 ! เห้ยพี่! นี่มัน 10 โมงนะพี่!

แล้วเวลาที่เหลือจะทำอะไรล่ะเนี่ย

ตอนที่เขียนนี่นั่งอยู่ขนส่งนะนี่ เพลียเบา ๆ น่ะจะ นึกว่าจะเสร็จแล้ว ธ่อ

Tuesday, July 9, 2013

เห็นแมวเท่ากับเห็นความรัก - see cat equals see the love

อ่านหนังสือมา เค้าบอกว่าให้หาสัญลักษณ์ที่จะทำให้เราระลึกได้ว่าควรมอบความรักให้ผู้อื่นหรือทำให้เรารู้สึกเต็มไปด้วยความรัก

เราอาจจะเลือกอะไรก็ได้ แสงแดด ดอกไม้

เราเลือกแมว

ถ้าเราเห็นแมวที่ไหน เราจะเห็นความรักที่นั่น

เราจะมอบความรักให้คนที่เราไปใช้บริการเขา ตามร้านต่าง ๆ

เราจะขอบคุณสิ่งของรอบตัวที่ผู้คนอื่น ๆ ได้สร้างขึ้นมาเพื่อเรา

ขอบคุณคนสร้างถนน ทำให้เราได้ขีทรถในทางดี ๆ

ขอบคุณร้านอาหาร ทำให้เรามีอาหารกิน

บลา ๆๆๆ

โบกมือ - Waving hand

วันนี้นั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่ข้างถนน

เห็นกลุ่มจักรยานปั่นผ่านไป

คิดในใจถึงตอนที่นั่งเรือที่ภาคใต้

ไม่ว่าจะเรือหางยาว หรือไปพายเรือคายัค

เราจะโบกมือให้เรือลำอื่นที่ผ่าน แล้วเค้าจะโบกมือกลับมาด้วย

สนุกดีนะ

แต่บนท้องถนน รถยนต์ มอไซค์ จักรยาน ไม่โบกมือให้กัน

สงสัยรถมันเยอะเกิน โบกไม่ไหว

Monday, July 8, 2013

เหมือนฝันรึป่าวนะ - like dream?

ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสี่เดือนมานร้ มันเหมือนจะว่าฝันก็ฝันนะ

อะไรหลาย ๆ อย่างสามารถเกิดขึ้นได้ในระยะเวลาอันสั้น

เวลาไม่ได้เป็นปัจจัยหลักเลย

เหมือนเรารู้สึกว่ามันใช่น่ะ ไม่ต้องรอให้เวลาพิสูจน์

Sunday, July 7, 2013

Thank you for this trip

ขอบคุณที่แอชซื้อตั๋วเดินทางทั้งหมดได้อย่างราบรื่นอย่างไม่น่าเชื่อ

ขอบคุณที่เรื่องการเดินทางกลับบ้านของแอชลงตัว

ขอบคุณที่มีเงินใช้จ่ายได้พอและเหลือเฟือสบาย ๆ

ขอบคุณที่ได้รับความช่วยเหลือจากผู้คนมากมาย

ขอบคุณความรักจากคนอื่น

ขอบคุณที่พิมพ์และแอชอารมณ์ดี

ขอบคุณความรัก

Saturday, July 6, 2013

Friday, July 5, 2013

เพื่อนกับแฟน - friend and fan

บางทีก็ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะอยู่กับเพื่อนหรืออยู่กับแฟน

จะใช้เวลายังไง

จะเอาเพื่อนไปยู่กับแฟน

จะเอาแฟนไปอยู่กับเพื่อน

มันเป็นศิลปะจริง ๆ

เคยอ่านจากที่นึง เค้าบอกว่าให้เลือกแฟน เพราะแฟนคือคนที่อยู่กับเราไปตลอดชีวิต จะใช้เวลากับเรา

แต่เราว่าก็ขึ้นกับอะไรหลาย ๆ อย่างด้วยแหละ จะเลือกแฟนหรือเพื่อนอย่างเดียวไปตลอดก็จะไม่สมดุล

ต้องหาความเหมาะสมให้ตัวเอง

Wednesday, July 3, 2013

ปวดหัว - headache

วันนี้ทำงานเช้า แล้วลูกค้าเยอะ

ทำไป ๆ ก็ชักปวดหัว

เมีื่อวานไม่ได้กินกาแฟ วันนี้ก็ไม่กินอีก

รู้สึกร่างกายมันไม่คลีน ถ้าในกระแสเลือดมีคาเฟอีน

แล้วก็ปวดเมื่อยอีกละ ทำไมถึงเมื๊อยเมื่อยนะ

มันเกร็งอะไรก็ไม่รู้

เมื่อยตรงต้นคอด้านหลังที่ต่อกับไหล่

พอบ่าย ๆ ชักปวดหัวมากขึ้น

แอชลีปวดท้องอยู่ห้อง

เลิกงาน ซื้อแคร็กเกอร์กับโซดากับเกตเตอร์เรดไปให้

เราก็กลับไป หลับเลยทีนี้

นอนยาว บ่ายสามกว่าถึงสองทุ่มได้

ดีขึ้นอยู่นะ ตื่นมาตอนเย็น หัวหนักมาก ก็เลยหลับต่อ

คิดว่าเป็นเพราะหยุดกาแฟรึป่าวนะ

หรือจะเมื่อยมากจนมันเกร็งจากต้นคอมาถึงหัวเลย

ไม่รู้

แต่ยังเขียนบล็อกได้

----------
อีกเรื่อง

แม่ไม่โอนตังค์มาให้ วันที่ 1 ก็แล้ว 2 ก็แล้ว วันที่ 3 โทรหาแม่

คิดว่าจะโดนตัดหางปล่อยวัดหรือตัดออกจากกองมรดกซะแล้ว

แม่บอกธนาคารคนเยอะ เพราะว่ามีหยุดครึ่งปีธนาคารด้วย

แม่ไม่อยากโอนผ่านตู้เพราะเสียค่าธรรมเนียม 35 บาท

แม่บอกว่ากินข้าวกลางวันได้มื้อนึง

คิดคนละอย่างกับเรา เราจะยอมเสียตังค์มากกว่ายอมเสียเวลา(ถ้ามีตังค์นะ)

ไปละอาบน้ำดีกั่ว

Saturday, June 29, 2013

อยู่สองคนดีกว่ามั้ย - better together

ก่อนหน้าจะอยู่สองคน ก่อนหน้าที่คนเราจะมีคู่ เราก็อยู่คนเดียวมาก่อนใช่มั้ย

ถ้าอยู่ด้วยกันสองคนแล้วทำให้ชีวิตดีขึ้นก็สมควรอยู่กันต่อไป

Thursday, June 20, 2013

วันเกิดปาล์มใหญ่ - palmyai's birthday

ชอบคุณสำหรับปาร์ตี้วันเกิดที่สนุกสนาน
ขอบคุณที่อาหารอร่อยและปลอดภัย
ขอบคุณที่แอชและทุกคนเข้ากันได้ดี
ขอบคุณสำหรับการเดินทางที่ปลอดภัย
ขอบคุณที่ทำให้การคุยกันทำให้ทุกคนรักกันและเข้าใจมากขึ้น
ชอบคุณที่วันถัดมาสบายดี
ขอบคุณที่วันถัดมาทำงานได้อย่างราบรื่น
ขอบคุณสำหรับดีลพิเศษที่ได้รับ
ขอบคุณแอชที่รักพิมพ์
ขอบคุณสำหรับข่าวดีที่ได้รับในวันนี้
ขอบคุณสำหรับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น

Thursday, June 13, 2013

ทำไมต้องอารมณ์เสียด้วย - why i was upset

แม่โทรมา จะเอาเอกสาร

ถามเราว่าสะดวกไปส่งแฟ็กซ์ให้รึป่าว

ถ้าถามถึงความสะดวก เราตอบเลยว่าไม่สะดวก

เมื่อวานก็คุยกันแล้ว ว่าเอาไม่ด่วนนี่

แล้วเราทำไมต้องอารมณ์เสียด้วยก็ไม่รู้ เราบอกแม่ว่าจะส่งให้แบบช้า ๆ เลย

ดูซิ พูดไปได้

เราคิดว่าอาจเป็นเพราะ ทีเราอยากได้รถยนต์จากพ่อ ยังต้องรอเลย แล้วทีนี้แม่จะเอาเอกสารจากเรา ก็รอไปสิ

เราคิดว่าเราคิดอย่างงี้นะ

ไม่ดีเลย

ควรคิดใหม่ แบบว่ารีบกลับห้องไปเตรียมเอกสารให้แม่ อะไรอย่างงี้มั้ย

ตอนนี้ 3 โมงครึ่ง เด๋วสี่ครึ่งไปรษณีย์จะปิด

นี่เราพูดประชด อีกแล้วนะนี่

หรือจะเป็นเพราะฮอร์โมนที่กินเข้าไป ทำให้จิตใจเป็นแบบนี้

คอมก็ช้า ดีที่ยังมีไอแพด

หัวใจเต้นเร็ว ไปดีก่า

รถยนต์ - car

วันก่อน โทรหาพ่อ บอกพ่อว่า เอาละตัดสินใจจะเอามิตซูบิชิมิราจแล้ว

คือก่อนหน้าเราอยากได้ฟอร์ดเฟียสต้าอย่างเดียวเลย

แต่ด้วยกำลังของเรา ไม่สามารถซื้อรถด้วยตัวเองได้

รู้สึกอึดอัดใจ ที่ไม่มีเงินเอง อยากทำอะไรก็ติดที่ว่ามีเงินไม่พอ

พ่อบอกว่าเอาตังค์ไปซื้อสลากธกส.แล้ว อยากจะลุ้นซักงวดสองงวด

คือพ่อเราบ้าหวยอยู่พอสมควร ซื้อหวยเดือนละ 2 พัน อะไรงี้

พ่อบอกว่าเป็นความหวังคนจน

คือว่า 2 พัน 10 เดือน ก็ 2 หมื่นแล้วมั้ย....แหม่..

หน้าฝนที่จะถึงนี้ เราเลยต้องขี่มอไซค์ต่อไป

ถ้ามีรถ จะขับไปเที่ยวนั่นนี่นู่น จะถ่ายรูปขาย

จะอยู่โดยมี passive income

แต่มีความสงสัยตอนนี้ว่า กฎแรงดึงดูดทำไมใช้ไม่ได้ผลกับรถยนต์

ดูดแล้วดูดอีก เหนื่อยแล้ว

บางทีก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว หรือจะอยากได้ไม่พอ แล้วยังไงถึงจะพอ

ปีที่แล้วก็ลองซื้อรถยนต์เอง กะหลั่ว ๆ มาคันนึง ทำให้เราได้ใบขับขี่ แต่ไม่ตอบโจทย์ รถยนต์อย่างดีอะ

ตอนนั้นขี่มอไซค์ยังรู้สึกอุ่นใจกว่า เพราะรถยนต์มันเก่าแล้วจริง ๆ

แต่ว่าก็ถือว่าเป็นประสบการณ์

ได้แต่บ่น ไม่อยากบ่น แต่อยากจะเขียนเฉย ๆ

ทำไมพ่อมีความคิดแบบนี้นะ

ถ้าเรามีลูก เราจะส่งเสริมสิ่งที่ลูกเราอยากจะมี อยากจะเป็น

คนเราเกิดมาบนโลกเพื่อมีความสุขกับชีวิต เวลามันก็ผ่านไปทุกวัน พรุ่งนี้ชีวิตจะเป็นยังไงก็ไม่รู้

ไม่แน่ อาจจะโดนรถชนตายวันนี้ก็ได้

ถ้าเรามีกำลังที่จะทำอะไรได้ ณ จุดนี้ เราจะทำ

ตอนที่โทรไปหาพ่อ พ่อก็บอกว่า น้องอยากได้รถเสือหมอบ

เราก็เลยปิ๊งไอเดีย เราจะซื้อรถเสือหมอบให้น้อง

เนี่ยความคิดเรา แบบว่าอยากได้อะไรซักอย่าง แล้วอยู่ ๆ มีคนมายื่นให้ มันเป็นความรู้สึกที่วิเศษมาก

เราเลยโทรหาน้อง บอกว่าเราจะซื้อรถเสือหมอบให้

น้องบอกว่า ไม่เอา.. แป่ว! น้องจะรออีกซักพักนึง

สงสัยจะไม่อยากได้จริง เรานำเสนอขนาดนี้ ยังไม่เอา

แต่ก็ไม่เป็นไร ถือว่าเราได้นำเสนอแล้ว

จะว่าหวังผลว่าจะมีคนมานำเสนอรถยนต์ให้เราก็ไม่เชิง หะ ๆ

การมีเงินนี่มันรู้สึกดีมีอำนาจ

แบบว่าอยากซื้อก็ซื้อเลย ถ้าของไม่ดีก็ไม่เป็นไร

แต่คนไม่มีเงิน อยากจะซื้ออะไรซักอย่างนึง ก็ต้องคิดแล้วคิดอีก ซื้อมาพลาดก็ซวยไป เงินไม่มีให้แก้ตัวอีก

รวย ๆ นี่ดี นั่นแหละ เราถึงต้องรวย

วันนี้พูดไปสะเปะสะปะ ก็แบบว่าคิดว่าอยากจะเขียนบล็อก ตอนคิดมันก็เป็นเรื่อง ๆ ดีนะ

แต่พอจะเขียนจริง ๆ เอามารวมกันเฉยเลย

ไปดีกั่ว

วันนี้รู้สึกหมดกำลังใจเบา ๆ - feel a little tired today

คนเราเนาะ มีปัญหากันทุกคน

อยากมีชีวิตที่ดีขึ้น ๆ น่ะ ก็เลยต้องหาสิ่งดี ๆ เข้ามาไว้ในชีวิต

อยากมีสิ่งดี ๆ ในชีวิตเยอะ ๆ อะ

สิ่งที่อยากได้ตอนนี้

รถยนต์อย่างดี
จักรยานเสือภูเขา
กล้อง
คอมพิวเตอร์
เงินเติมน้ำมัน
เงินเที่ยว

พอใจละ

Friday, June 7, 2013

ฝันว่าพูดว่าไม่หนุก - dreamt i speak mai nook

ฝันนะ

เหตุการณ์เกิดขึ้นที่บ้าน

เหมือนใครไม่รู้เอาของมาไว้ห้องเรา มีเป็นชุดดำน้ำด้วยนะ

แล้วคิดว่าเจ้าของคงอยู่ในห้องน้ำ ซึ่งอยู่หน้าห้อง

เราก็ไม่พอใจ เอาของทั้งหมด โยนออกมาทางประตู

แล้วก็กะว่าจะหมกตัวอยู่ในห้องละ

ฉากที่จำได้คือ ลืมเอาที่ชาร์ตไอแพดเข้าไปด้วย แต่เราก็คิดว่า ช่างมันเหอะ

แบตหมดก็คงออกมา

แต่จำไมาได้ว่าพูดคำว่าไม่หนุกตอนไหน แต่จำได้ว่าพูด

ก็เลยเล่าสู่กันฟัง

Saturday, May 25, 2013

ลองผ้าอนามัยแบบสอดเป็นครั้งแรก - first time using tampon

แบบว่ามาเท่วทะเลน่ะ

นั่นแหละมีเหตุให้ลอง

ซื้อมาลอง 2 ยี่ห้อ คือ โอบี กับ บู๊ต

ของโอบีไม่มีที่ช่วยใส่ ที่เรียกว่าแอพพลิเคเตอร์ ของบู๊ตมี

ลองโอบีไม่สำเร็จอะ เจ็บ

ลองของบู๊ตก็โอเค คิดว่าใส่ถูกนะ

มันก็กังวลเบา ๆ แต่มันก็ต้องผ่านไปให้ได้

ขอบคุณสำหรับความราบรื่น และประสบการณ์ที่ดีในการใช้ผ้าอนามัยแบบสอด

ไปละ บาย

Sunday, May 19, 2013

เที่ยวกทม. - travel bangkok

เรื่องมีอยู่ว่าเราตัดสินใจจะไปเที่ยวภาคใต้กับแอชกับแดเนียล

เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ก็หาเงินไปเที่ยว ก็คือขายหุ้น (ทั้ง ๆ ที่ติดลบนั่นแหละ) เอาตังค์ออกมา 3 หมื่น แม่ให้อีก 5 พัน ซาบซึ้ง ๆ

ออกเดินทางโดยสมบัติทัวร์ VIP ราคา 983 บาท ถ้าจำไม่ผิด ซื้อผ่านโต๊ะขายอะ เค้าบวกอีก 20 บาท

ออกตัวจากเชียงใหม่ตอน 9.35 pm

ที่นั่งอย่างดี มีจอ ผ้าห่มบางไปหน่อย แอร์รถหนาว เปิดเพลงลูกทุ่งตลอดทาง แวะจอดให้กินที่กำแพงเพชรตอนตีสองครึ่ง

ถึงศูนย์รถที่วิภาวดีตอน 7 โมง ก็เรียกแท็กซี่หน้านั่นเลย สามคนบวกของ ยัดในแท็กซี่ได้ เสียไป 185 บาท

ไปที่พักคือโรงแรมเช็คอินไชน่าทาวน์(check inn china town) โรงแรมอยู่ถ. เจริญกรุงซอย 14 ซอยแคบได้โล่

แค่ก็ดี ตัวโรงแรมอยู่ในไชน่าทาวน์เลย

ออกมาเดินหาอาหารเช้ากิน กรุงเทพร้อนมวก

แล้วจะเดินไปวัดโพธิ์กัน

------นอกเรื่อง-------
อยากบอกว่าไอแพดมินิเนี่ย แล้วใส่ซิมเล่นเน็ตมันช่วยเดินทางได้จริงนะ หาเส้นทางไปนั่นนี่นู่น แอพแผนที่ที่มันติดมากับเครื่องเลยอะ

พยายามจะโหลดกูเกิ้ลแมพ แต่ไม่ได้ ไม่รู้ทำไม หรือเน็ตเราไม่แรงพอ เน็ตดีแท็กอะนะ
------จบนอกเรื่อง-------

เค้ากำลังสร้างรถไฟใต้ดินกัน แถวนั้นวุ่นวายเลย

ได้ไปแวะกินกาแฟอเมซอนในห้างซักห้างแถวนั้นแหละ เราก็สั่งช็อกโกแล็ตเพราะว่าเราไม่ชอบกินกาแฟที่อเมซอน แต่ว่าแอชลี่อยากเข้าอเมซอน ก็เลยเข้าก็เข้า

เดินไปถึงวัดโพธิ์ก็เดินชมไปตามสไตล์

คนไทยเข้าฟรี ฝรั่ง 200 แล้วจะสามารถเอาบัตรไปแลกน้ำฟรีได้ 1 ขวด ตรงแถว ๆ พระนอน

พระนอนใหญ่มากจริง ๆ เราว่าเค้าสร้างพระก่อนแล้วค่อยสร้างหลังคาคร่อม ห้า ๆ

ตอนที่แอชกับแดเนียลไปแลกน้ำฟรี เราก็ไปยืนด้วยทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม เค้าก็ให้น้ำฟรีเรามา 1 ขวด เย่ ๆๆๆ

เสร็จแล้ว เดินไปพระราชวังต่อ

คนไทยเข้าฟรี ฝรั่ง 500 ....บร๊ะเจ้า ฝรั่งเลยไม่เข้าเลย 555

ดังนั้นก็คิดกันว่าจะไปไหนดี เราก็เลยว่าจะพาแอชกับแดเนียลไปขึ้นรถไฟฟ้าแล้วจะพาไปเทอมินัล21แล้วไปหาไรกินกัน

นั่งตุ๊ก ๆ ไปสถานีรถไฟฟ้าสนามกีฬา 150 บาทแน่ะ ถ้าอยากนั่งถูกและเย็น เรียกแท็กซี่ไปดีกว่า

แล้วก็ไป terminal21 กัน กินข้าว แวะซื้อผ้าอนามัยแบบสอด สำหรับเรานี่แหละ

-----------
-----------

จะบอกว่าทิ้งไว้นาน เขียนดราฟไว้แล้วมาต่อ เกือบไม่ติด

คิดก่อนนะว่าไปไหนต่อ อ๋อ เรียกแท็กซี่

อ้อไปถนนข้าวสาร ไปเดิน

มันก็ถนนฝรั่งอะนะ มีฝรั่งเยอะ มีของขายเยอะเหมือนกัน ของนี่ออกแนวไนท์บาซ่าที่เชียงใหม่นี่แหละ

เดินแป๊บเดียวก็สุดถนน ก็ดี

แล้วก็เดินกลับไปที่โรงแรมโดยให้ไอแพดนำทาง ใช้แอพแผนที่ในเครื่องอะนะ เวิร์คอยู่

ร้อนมาก

เดินกลับถึงโรงแรมประมาณหกโมงเย็น แล้วก็พักผ่อนซักพัก

แล้วถึงได้ออกมาหาอะไรกินแถวเยาวราช โรงแรมนี่ดี โลเกชั่นดี เดินทะลุออกมาจากเยาวราชซอย 8 ได้เลย

ของขายมันก็จะเหมือน ๆ กัน เราคิดว่านะ มีเกาลัด หูฉลาม รังนก อะไรเทือก ๆ นี้

เรา แอชลี่ แดเนียล กินก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ แต่ยังไม่อิ่ม เลยเดินกันต่อ ก็ไม่รู้จะกินไรดี

สรุป เรากินข้าวขาหมู แอชกินติม

เราซื้อมะม่วงน้ำปลาหวานชุดละ 60 บาทมาด้วย ราคาแรงได้ใจ รสชาติก็ดี

แล้วก็กลับ

พักผ่อน พรุ่งนี้ต้องเดินทางไปสุราษฎร์ที่หนามบินดอนเมือง

ตื่นเช้ามา

ก็ไปเดินสำรวจตลาด เราซื้อซาลาเปามากิน แอชซื้อกุ้ยช่าย แดเนียลรู้สึกไม่ค่อยดีวันนี้เดินได้แป๊บนึงก็เลยขอกลับไปห้องก่อน

ซื้ออาหารเช้าใส่ถุงมากินที่ห้อง แล้วก็แพ็กของ เดินทางกันต่อไป ด้วยประการละฉะนี้


Sunday, May 5, 2013

งานประจำ - routine work

พ่ออยากให้ทำงานประจำ อยากให้มีรายได้ที่แน่นอน

คุยกับพ่อแล้วความคิดไม่ตรงกันอะ

ก็อ่านหนังสือมา

คนรวยรับเงินตามผลงาน คนไม่รวยรับเงินตามเวลา
พ่อบอกว่า อยากให้มีรายได้ที่แน่นอนทุกเดือน แบ้วก็ค่อยไปทำสิ่งที่ชอบเป็นอาชีพเสริม
อย่างพ่อเป็นครูเริ่มเงินเดือน 1,375 บาท ตอนนี้จะเกษียน มีเงินเดือน 4 หมื่นกว่าบาท
พ่อพอใจแบบนี้ แต่เราไม่พอใจวิถีชีวิตแนวทางนี้อะ

พ่อบอกว่าบางทีคนเราก็ต้องทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบบ้าง อย่างพ่อไม่ชอบเป็นครู แต่พอทำไป ๆ ก็ชอบ
แต่หนังสือคนรวยบอกว่า ต้องทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ
พ่อบอกว่าเราปฏิเสธสิ่งที่พ่อนำเสนอให้ แต่เราคิดว่า เราปฏิเสธสิ่งที่เราไม่ชอบแล้วเดินทางไปหาสิ่งที่เราชอบ

กว่าจะหาสิ่งที่ชอบได้นี่ ไม่ใช่ง่าย ๆ นะ

อยากมีอิสระทางเวลาและเงิน

Friday, May 3, 2013

ตัดสินใจไปเที่ยวภาคใต้ - i made the decision to travel in southern thailand

วันก่อนบอกแอชไปแล้วว่าจะไปเที่ยวด้วย
มีสิ่งที่กังวลใจคือ
เงิน แน่นอน จะต้องใช้เงินเท่าไหร่กันนะ แผนการสำหรับเรื่องเงินคือ
ขายหุ้นที่ธนชาต จะได้เงิน 5000 บาท
โอนเงินจากเพพาล น่าจะได้ 6000 บาท
อาจจะขายหุ้นที่กสิกรมาอีก 40000 บาท คือแบบว่าหุ้นมันติดลบอะ ใจไม่อยากขายเลย
หรือไม่ก็อาจขอแม่แหละ

เรื่องค่าใช้จ่าย มีทางออกละ ไม่กังวลมาก

เรื่องวางแผนเที่ยว
ไปกับแอชผู้เชี่ยวชาญการท่องเที่ยวอะเหมือนจะเป็นเรื่องดีใช่มะ แต่เรามีความรู้สึกคือ เราไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่คือรู้สึกด้อยกว่า เหมือนเป็นตัถ่วงยังไงไม่รู้ ไม่รู้พูดเวอร์ไปป่าว
และมันมีความรู้สึกกลัวยังไงไม่รู้ กลัวไปไม่หนุก

ข้อมูลที่จะต้องอ่าน มีเยอะมาก ไม่เคยได้วางแผนเที่ยวอย่างจริงจังเลย
ไปกับอ้อม อ้อมก็คิดเป็นส่วนใหญ่

ปัญหาสื่อสาร

ก็เป็นความคิดในตอนนี้อะนะ

ขอบคุณสำหรับความรัก

Thursday, April 18, 2013

คลื่นความคิด - wave of thinking

คิดว่าจะมีคนส่งเอสเอมเอสหามั้ย หยิบมือถือขึ้นมาเช็ค ไม่มี แต่อีกซักอึดใจเดียว มีเอสเอ็มเอสเข้ามาเฉยเลย

คิดว่าจะโทรหาเพื่อน อยากได้หนังสือเล่มหนึ่ง กพว่าอาจชวนไปร้่นหนังสือ ขณะที่มือจะหยิบมือถือขึ้นมาโทร เพื่อนอีกคนโทรเข้ามา

Wednesday, April 3, 2013

อยากรู้ว่าแมวคิดอะไรอยู่ - what cat thinks

เกิดเป็นคน มีความคิด คนเราต้องคิดอะไรมากมาย

เรากำลังคิดว่า แมว หรือสัตว์อื่น ๆ มันจะรู้ถึงความต้องการของตัวเองมั้ย

เราซึ่งเป็นคน ถ้าไม่คิดถึงเป้าหมายในชีวิต ชีวิตก็ไม่มีความหมาย

ถ้าคิดถึงเป้าหมายในชีวิต ก็ต้องคิดว่าตัวเองต้องการอะไร

บางทีเราก็ไม่ได้จัดเวลาอยู่กับตัวเอง อยู่เงียบ ๆ กับตัวเอง ใช้ความคิด

แล้วชีวิตเราต้องการอะไรล่ะ

เกิดมาแล้วก็อยู่ ๆ ไป

แมวเนี่ย เดินไปเดินมา เดี๋ยวก็นอน

มันคิดถึงอะไรบ้างมั้ย คิดถึงอนาคตบ้างมั้ย

มันจะมีความรักกับแมวข้างบ้านมั้ย มันจะเกลียดอะไรมั้ย

แล้วแมวจะคิดมั้ยว่าแมวอยู่เพื่ออะไรทุกวันนี้

Sunday, March 31, 2013

อยู่เพื่อตัวเองหรืออยู่เพื่อคนอื่น - live for myself or others

ชีวิตคนเรา อยู่เพื่อตัวเองหรืออยู่เพื่อคนอื่นดีอะ

เพื่อนเราที่มีลูกแล้ว บอกว่า อยู่เพื่อคนอื่นมันจะมีแรงจูงใจให้ทำงาน หรือมีแรงให้อยู่มากกว่าอะ

อารมณ์ว่าทุกวันนี้ก็ทำเพื่อลูก

ส่วนตัวเราเอง เราคิดว่าเราอยู่เพื่อตัวเอง

จนกระทั่งได้มาพบคนคนหนึ่ง คนนี้ทำให้เราไม่อยากไปไหนอะ

ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ ชีวิตเรา เราคิดว่าอยู่ที่ไหนก็ได้ ทำอะไรก็ได้ กับใครก็ได้

ตอนนี้ เราอยากอยู่เมืองนี้ อยากอยู่ที่นี่ ก็เพราะว่ามีคนนี้อยู่ที่นี่

มันรู้สึกแปลก ๆ เหมือนไปในทางลบ

ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย คือว่า เรากำลังจะต่อต้านการเปลี่ยนแปลง

เรารู้ทั้งรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงมันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

แต่เรากำลังยึดติด

ยึดติดกับคน ยึดติดกับสถานที่

เอาเป็นว่า คำคมไปเลยก็ละกัน ไม่มีอะไรเป็นของเรา แม้แต่ตัวเราเอง

แล้วเราจะยังยึดติดทำไม

คนที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ไม่ทำ มันเรียกว่าคนโง่มั้ย

ต้องพยายามทำใจ มีความสุขกับตัวเอง

คนอื่นคือ ผ่านเข้ามาร่วมทาง อาจจะร่วมทางนาน หรือไม่นาน ก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าใช้ชีวิตให้มีความสุข และอย่ายึดติด

เคป้ะ

Saturday, March 30, 2013

PIMM'S Cup

มันมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดหนึ่ง ชื่อว่า PIMM'S

มีแอลกอฮอล์ 25% ผลิตที่สหราชอาณาจักร(Great Britain)

เป็นเหล้าสูตรลับ มีเพียง 6 คนที่รู้ อ่านมาว่างั้นนะ

มีสูตรคอกเทล เรียกว่า PIMM'S Cup

ใส่ PIMM'S มะนาว สไปรท์ แตงกวา น้ำแข็ง

แหล่มเลย รสชาติสดชื่น โดยตัวของ PIMM'S แล้วมันจะออกหวาน ๆ บวกกับความหวานของสไปรท์ แล้วมีความเปรี้ยวของมะนาวตัด และมีกลิ่นสดชื่นของแตงกวามาเตะจมูกอีก

สรุปแว่ เราชอบมาก

ใกล้ - near

ช่วงเวลาที่ห่างกัน มันก็อยู่ได้นะ

แต่พอมาได้ใช้เวลาด้วยกัน มันก็ทำให้ความรู้สึกมันตอกย้ำฝังลึกลงไปมากขึ้น ๆ ในทุกทีที่ได้เจอกัน

มันจะเป็นความอะไรนะ

อาจเป็นเพราะเราไม่กล้าพอที่จะให้ความสัมพันธ์มันก้าวหน้าเร็ว หรือเรากลัวอะไร

กลัวความไม่แน่นอนของสิ่งต่าง ๆ งั้นรึ

อยากจะอยู่ใกล้ชิดไปอีกนาน ๆๆๆๆ

Saturday, March 23, 2013

ชีวิตช่วงนี้ก็ดีนะ - kind of happy life right now

งานดี เราสนุกกับการทำงาน มีเพื่อนร่วมงานที่ดีด้วยแหละมั้ง

เงิน ก็ดี มีใช้ไปเรื่อย ๆ ไม่ได้อยากได้อะไรแพง ๆ หะ ๆ แต่ก็อยากได้รถยนต์นะ

ความรัก เมื่อไม่มองหา อยู่ ๆ มันก็มา แล้วเราว่ามันก็ดี เจอคนที่น่าสนใจคนหนึ่งเลยทีเดียว ก็คบและคุยกันไปเรื่อย ๆ อยู่กับปัจจุบันก็ละกัน

แต่ว่าก็ต้องหางานทำ

ชีวิตต้องมีเป้าหมายใหญ่ให้เดิน

ตอนนี้มันดูลงตัวแบบไม่ค่อยมีความหมายเท่าไหร่

บางทีก็อยากจะขี้เกียจบ้าง

ช่วงนี้ปัญหาหมอกควันเยอะ หายใจไม่ค่อยสะดวกเลย ต้องไปหาแมสมาใส่ก่อน

Saturday, March 16, 2013

อะไรยังไงนะ - what what what

ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร อยากเขียน จบละ

พ่อล่ะหวังดี - mean well

พ่อช่วยหางานให้ หางานแล้วก็ส่งรายละเอียดให้ดูทางเมลล์

ให้สมัครนั่นนี่นู่น

จะพาไปสมัครด้วย

เรารู้สึกกดดันมากมาย แต่พ่อบอกไม่ได้กดดัน แค่แนะนำ

เอาเป็นว่าเราปฏิเสธข้อเสนอของพ่อก็ละกัน

เราถามพ่อว่าโกรธเราเหรอ พ่อบอกไม่

เราอยากได้งานที่อยู่เชียงใหม่ที่ทำแล้วมีความสุขอะ

พอละขี้เกียจอธิบาย

ไม่ยุ่งกับใคร - indifference

เมื่อก่อนเราเคยเป็นคนแบบว่า ไม่อยากทำความรู้จักคนใหม่ ๆ

เช่น เพื่อนของเพื่อน อะไรทำนองนี้

แต่เวลาผ่านไป คนเราก็เปลี่ยนแปลง

ประสบการณ์ต่าง ๆ ที่เราได้รับมาหลาย ๆ ปี หลาย ๆ อย่าง

ทำให้เราก็ค้นพบว่า การทำความรู้จักใครใหม่ ๆ นี่ก็ดีเหมือนกันนะ

ได้รู้ว่าเค้าเป็นใคร มีอะไรน่าสนใจ ความคิดเค้าเป็นไงบ้าง

สรุปแว่ วันนี้ได้พูดกับคนแปลกหน้า 4 คน

แบ่งเป็นที่ร้านกาแฟ 3 คน ที่รถบัส 1 คน

ก็สนุกดี

การเป็นคน friendly นี่มันรู้สึกดี รู้สึกถึงว่ารัศมีของเราได้แผ่ออกไป เราตัวใหญ่ขึ้น เวอร์ไปปะ หะ ๆๆ

และเราก็คิดว่า คนส่วนใหญ่พร้อมที่จะคุยอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่เริ่มก่อนเท่านั้นเอง

เพราะฉะนั้น เราต้องเริ่มก่อน ต้องก้าวไปก่อน 1 ก้าวเสมอ เคป้ะ!

Stock Images

My latest images for sale at Shutterstock:

My most popular images for sale at Shutterstock: