Pages

Friday, September 27, 2013

สองอาทิตย์หลังผ่าตัด - 2 weeks after surgery

ผ่าตัดเสร็จ กลับไปพักผ่อนนั่ง ๆ นอน ๆ เล่นแมวอยู่บ้าน หนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ

แผลผ่าตัดก็ไม่ได้เจ็บมาก อยู่บ้านก็ล้างถ้วยได้ ถูบ้านได้(ใช้ไม้ถูนะ)

อาหารการกิน ก็กินดะ เค้าห้ามกินไข่ กินกุ้ง กินอาหารหมักดอง

เราก็กินตามปกติของเรา มันก็มีไข่ มีกุ้ง มีขนมจีน อะไรงี้

เค้าให้เปิดแผลได้ในวันพฤหัส ก็ประมาณ 10 วันหลังผ่าตัด

แต่เราเปิดก่อน เราคันรอยพลาสเตอร์ปิดแผลกันน้ำมาก

อาบน้ำก็อาบปกติ แต่อาบแขนขา สระผม แล้วค่อยอาบตัว ให้ช่วงพลาสเตอร์โดนน้ำใช้เวลาน้อยที่สุด เอ๊ะ มันเรียกอาบปกติตรงไหน

ก็แกะพลาสเตอร์ของโรงพยาบาลออก ไปซื้อพลาสเตอร์กันน้ำที่เซเว่นมาติดแทน แผ่นเล็กลง และดีขึ้นเยอะ

ที่บ้านเราเป็นคลินิค มีอุปกรณ์ล้างแผลอยู่ แม่เราเป็นพยาบาล ก็ล้างแผลให้ ใส่ยาฆ่าเชื้อให้

แม่ไปเอาพลาสเตอร์กันน้ำที่โรงพยาบาลแม่ให้ด้วย ฮ่า ๆ

มันมีจุดนึงตรงสะดือ เรากังวลว่ามันจะเป็นหนอง แต่มันก็ไม่อักเสบ บวม แดง อะไร สรุปไอ้ที่เห็นเหลือง ๆ อยู่ไป ๆ มันก็หลุดไปเอง

ตอนนี้ก็อาบน้ำแบบปกติเลย เปิดแผล มันมีรอยเป็นสะเก็ดแต่ยังไม่หลุดนิดหน่อย ก็ปล่อยมัน

แต่ที่สังเกตได้คือ เราเกิดอาการ depressed แบบว่าซึมเศร้าเหงาหงอยอะ อาจเป็นเพราะไม่ได้ออกกำลังกาย และก็มีปัญหาอื่น ๆ ให้คิดเยอะแยะ ก็ได้

อ้อ ขี่มอไซค์ ขับรถยนต์ก็ได้นะ ไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้พยายามไม่ใส่กางเกงที่มันจะรัดตรงแผล เวลาคาดเข็มขัดนิรภัยก็ดึง ๆ ให้มันหลวม ๆ หน่อย

จบ

ผ่าตัดซิสต์ที่รังไข่ข้างขวา - right ovarian cyst sergery



ตีห้าครึ่งพยาบาลมาปลุกแล้ว สวนตรูด

วันนี้พยาบาลโหด เสียบตูดไม่เข้า เราถามว่าทาวาสลีนยัง พยาบาลบอกทาแล้ว

มีเจ็บเบา ๆ

สวนตูดต้องเอาน้ำสบู่ใส่ตูดเรา 1000 cc ถ้าคนไข้ไหว ก็ซัดรวดเดียวพันซีซี เมื่อวันก่อนผ่าตัดทำไปสองรอบ

วันนี้ บอกพยาบาลว่าพอแล้ว แต่พยาบาลบอกว่า อีกนิดเดียว กระซิก ๆ เราก็เลยต้องกลั้นใจกลั้นตูดไว้

เสร็จแล้วก็ไปนั่งห้องน้ำ เอาน้ำที่ใส่ตูดออก เอ้อ รอบนี้ใช้น้ำอุ่น ๆ ด้วยนะ

แล้วก็ทำใจ ไปอาบน้ำ แล้วก็ใส่เสื้ออีกแบบที่เป็นเหมือนเสื้อประกบด้านหน้าด้านหลัง แล้วมีเชือกมัด ใส่ไม่เป็นเลย ให้แม่ช่วยใส่ให้

เสร็จแล้วกลับมานอน

พยาบาลเอายานอนหลับมาให้กิน 1 เม็ด กับน้ำจึ๋งนึง

เอาแล้ว พยาบาลอีกคนมาจะใส่ท่อฉี่ คุยกับเพื่อนเมื่อวานเพื่อนบอกว่า ก็ตีหน้ามึนไปเลย

เราก็เอาวะ ใส่ก็ใส่

นอนหงายชันขาขึ้น พยาบาลก็เปิดผ้า เอากระโถนมารองตูด กระโถนเย็นเจี๊ยบ แล้วก็เช็ด ๆๆ ตรงนั้นน่ะนะ แล้วก็เอาผ้าเจาะรูสี่เหลี่ยมมาวาง แล้วก็ใส่ท่อฉี่ ทำเร็วมาก เรานึ่นึกไม่ออกเลยว่าเอาสายยางเส้นใหญ่ขนาดนั้นมายัดใส่ท่อฉี่ได้ยังไง รูมันอยู่ตรงไหน 555

เสร็จปึ๊บ รู้สีกเหมือนปวดฉี่ตลอดเวลา พยาบาลบอกว่า จะเป็นอย่างนี้ไปประมาณ 15 นาที

ซักพักก็มีคนมารับประมาณ 6 โมงครึ่งได้ ย้ายเตียงไปเตียงรถเข็น

เข็นไปตามทาง เรารู้สึกตัวตลอด ถือไอแพดไว้ตลอด

ไปจนถึงหน้าห้องผ่าตัด ถ่ายรูปแชะกับแม่รูปนึง บอกลาแอชลี

เข้าไป เค้าเข็นเราไปไว้หน้าห้องผ่าตัด ในทางเดินนั้นมีคนเดินไปเดินมา เราเห็นมีอ่างล้างมือ 3 อ่าง เวลาล้างมือเค้าจะเอาเข่าดันเปิดก๊อก

อ้อ ระหว่างนั้นก็จะมีคนมาถามชื่อเราเป็นระยะ ๆ กะว่าไม่ผ่าผิดตัวแน่

พอได้ฤกษ์เข้าห้องผ่าตัด ก็ได้ย้ายเตียงอีกรอบ

แอร์ห้องผ่าตัดเย็นมาก เราได้ห่มผ้าอีก มีคนเอาถุงเท้ายาว ๆ มาใส่ให้ แล้วก็แปะที่วัดคลื่นหัวใจ เอาที่หนีบนิ้วมาหนีบ

เราหนาวจนรู้สึกว่าสั่นเลยแหละ

เตียงผ่าตัดจะเล็ก ๆ พอดีตัวเรา หมอจะได้ไม่ต้องเอื้อมมาก

ข้อสังเกต จากที่เราเห็น คิดว่าหมอผ่าตัดใส่รองเท้าแตะนะ หะ ๆ

แล้วเวลาอันน่าตื่นเต้นก็มาถึง!!

มีหมอบอกให้เราว่า ดมออกซิเจนนะครับ

วันนั้นลมหายใจเราแบบว่าจะสั้น ๆ อะ หรือว่าปกติเป็นคนหายใจสั้น ๆ อยู่แล้วก็ไม่รู้

คิดว่าคงเป็นแก๊สยาสลบ

เราลองพยายามฝืน พยายามลืมตา แต่รู้สึกเลยว่าตาค่อย ๆ กระพริบสั้นลง ๆ จนตาปิด

.....................
..............................
.......................................

เวลาผ่านไป

รู้สึกตัวอีกทีคือมีคนมาเรียกชื่อ

ดูนาฬิกา น่าจะ สิบโมงสี่สิบห้า

เราอยู่ในห้องพักฟื้นหลังผ่าตัด

ซักพักเค้าก็เข็นเราออกข้างนอก ก็เจอแม่ เจอแบบมีสติ แต่จะง่วง ๆ หน่อย

แม่ส่งไอแพดให้ เราก็บอกแอชว่า ออกมาจากห้องผ่าตัดแล้ว แอชตื่นเต้น ไม่คิดว่าเราจะมีสติ ฮ่า ๆๆๆ

ระหว่างที่เราผ่าตัด แม่ก็โพสต์สเตตัสเฟสบุคให้เรา แบบว่ารายงานข่าวว่างั้นเหอะ

แล้วก็กลับไปห้องพิเศษเตียงคู่ของเราต่อไป

วั้นนั้นก็ยังไม่ได้กินอะไร ยังใส่น้ำเกลือและสายฉี่ ใส่สายฉี่นี่ไม่สนุกเลย พับเผื่อยสิ มันเกร็ง ๆ เวลาจะขยับตัว กลัวสายฉี่หลุด(ถ้าหลุดต้องมาเสียบใหม่อีก)ไม่รู้มันแน่นแค่ไหนหรือมันเสียบไปลึกแค่ไหน

เข็มน้ำเกลือนี่ นึกว่าเข็มเป็นเหล็ก ที่แท้เข็มเป็นพลาสติก(คือตอนเจาะก็ใช้เข็มเหล็กนั่นแหละแต่ถอดออกมา มันจะเหลือแต่เข็มพลาสติก(เทคโนโลยีเค้าอะนะ)) เราเลยไม่กล้าขยับมือมากกลัวเข็มทิ่มทะลุเส้นเลือด พึ่งมารู้ทีหลังตอนที่พยาบาลมาเอาเข็มออกให้นั่นแหละ ฮาาาาา.....

นอนตะแคงจะเจ็บตรงช่วงไหล่ขวา พยาบาลบอกว่าตอนผ่า หมอจะใส่ลมเข้าไปในท้องด้วย ลมอาจขึ้นมาถึงข้างบน

อันนี้เท็จจริงแค่ไหนก็ไม่รู้นะ แต่หลังผ่าตัด เค้าจะให้เรากินยาขับลม แอร์เอ็กซ์ อะนะ เราคิดว่า ลมที่ใส่ไปมันอยู่ในช่องท้อง ไม่ใช่อยู่ในลำไส้ มันจะขับได้เหรอ จะเกี่ยวมั้ย แต่เราก็รู้สึกว่าท้องมันป่องนะ
แล้วลมที่ใส่ไป(ไปศึกษามาสรุปว่าเค้าใส่ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์) มันก็ต้องอยู่ในช่องท้องนั่นแหละ เพราะท้องเราก็มีผนังกั้น ลมไม่น่าขึ้นมาบนอกหรือไหล่ได้

สรุปว่าก็ช่างมัน เรื่องลม เอาง่าย ๆ ว่ารู้สึกแกน(ภาษาเหนือ)ตรงไหล่ขวาเวลานอนตะแคง

ตอนบ่าย ๆ เย็น ๆ ก็มีเพื่อนมาเยี่ยม เย่ ๆ

มีอยู่ทีนึง เรารู้สึกอยากอ้วกมาก หลังจากเพื่อนคนนึงกลับไป เราบอกพ่อว่า เอาหัวเตียงลง

พอเรานอนราบ ซักพักมีเพื่อนมาอีก

เราก็ชันตัวเอาหัวเตียงขึ้นมาอีก

ทีนี้ น้ำลายฟูมปาก ภาษาเหนือเรียก น้ำลายปุ๊ จะเป็นน้ำลายเปรี้ยว ๆ ที่ออกมา แล้วก็จะอ้วก

พ่อเอาถุงมาให้บ้วนน้ำลาย

ก่อนหน้านั้นพยาบาลบอกว่าถ้าคลื่นไส้หรืออะไรก็ขอยาได้ ตอนแรกเราไม่เอา คิดว่าเราโอเค แต่อยู่ไป ๆ ไม่โอเค เราบอกว่าไปตามพยาบาลเอายาหน่อย

ระหว่างนั้นก็เหมือนจะอ้วกออกมา แต่ เอืออออกกกก ออกมาเป็นลม เหมือนเราเรอ เราก็คิดว่าท้องเราก็ไม่มีอะไร อาหารก็ไม่ได้กิน โดนสวนตรูดอีกต่างหาก พอลมออกมา ก็รู้สึกดีขึ้นอีกเป็นกองเลย

พยาบาลเดินเข้ามาถือถาด มีเข็มมีไรมากมาย เราบอกว่า รู้สึกโอเคแล้ว ไม่เอายาแล้วค่ะ

ก็จบไป เห่อ.....

วันนั้นก็ไม่ได้ทำไรมาก นอนไปมา จิบน้ำเบา ๆ

พยาบาลเข้ามาวัดไข้วัดความดันตลอด

คืนนั้นก็ได้ถอดสายน้ำเกลือ สายฉี่จะได้ถอดตอนเช้าวันถัดไป ที่จริงจะถอดเลยก็ได้ แต่พยาบาลถามว่า แล้วเราลุกไปเข้าห้องน้ำเองได้มั้ย เรายังไม่ค่อยมั่นใจ คืนนั้นเลยต้องนอนกับสายฉี่ไปอีก

ก็ไม่แปรงฟัน ไม่อะไรซักอย่างละนะ นอนไปอย่างงั้นน่ะ

เช้ามาได้ถอดสายฉี่ ดีใจมาก

ก็ลุกจากเตียง ก็เดินได้เลย เย้ ๆๆๆ ไม่ค่อยรู้สึกเจ็บด้วย ผ่าตัดส่องกล้องมันดีอย่างนี้นี่เอง

ก็กินข้าวอะไรปกติ เดินไปมาได้ แต่ก็นอนเยอะ เออแต่หมอนห้องพิเศษนอนไม่สบายเลย รู้สึกหมอนห้องผ่าตัดดีกว่า มันเป็นก้อนแข็ง ๆ ดี ที่ห้องพิเศษเหมือนเป็นหนังแฟบ ๆ ใส่ปลอกหมอน

สรุป

ไปเตรียมตัวผ่าตัดวันจันทร์

ผ่าวันอังคารเช้า และวันอังคารก็นอนทั้งวัน

วันพุธ นั่ง ๆ นอน ๆ เดิน ๆ

วันพฤหัส เคลียร์เงิน ออก รพ.

ค่าใช้จ่ายนอนโรงพยาบาล 3 คืน รวมผ่าตัด 12,xxx บาท

เราใช้สิทธิ์ประกับสุขภาพถ้วนหน้า(สิทธิ์สามสิบบาท)

ค่าผ่าตัด สี่พันห้า แต่ค่าห้องพิเศษกับบริการพยาบาลนี่คืนละสองพันกว่า น่ะจะ

ขอบคุณสำหรับการผ่าตัดที่ผ่านไปได้ด้วยดี

วันที่เราเขียนบล็อกนี่ ก็หลังจากวันผ่าตัดมาสองอาทิตย์ได้

ได้ไปฟังผลตรวจชิ้นเนื้อที่โรงพยาบาล

ก็ไม่ได้เป็นมะเร็ง เย่ ๆ เป็นซิสต์ขนาดประมาณ 5 cm มีไขมันกับเส้นผมอยู่ข้างใน ไม่มีฟัน 555

และหมอก็ไม่นัดอีกแล้ว คือถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็ไม่ต้องไปหาหมอ

ตัดไหมก็ไม่ต้อง สมัยนี้ใช้ไหมละลาย ไหมอยู่ในตัวเรา ไม่เห็นฝีเข็มเลย ไม่รู้เย็บยังไง

มีแผล 4 รู รูใหญ่ที่ใช้ใส่กล้องอยู่ตรงสะดือประมาณ 2 cm แเต่เราคิดว่าถ้าหายมันก็น่าจะกลืนไปกับสะดือนั่นแหละ และอีกสามรู อยู่ตรงแนวขอบกางเกงใน เป็นขีด ๆ ประมาณ 1 cm

ก่อนผ่าตัด เราก็พยายามออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรง จะได้ฟื้นตัวเร็ว ๆ เราก็ไปวิ่ง ไปโยคะ ไรงี้

ละก็ จบการผ่าตัดซิสต์ด้วยประการละฉะนี้

ขอบคุณที่ครอบครัวมีเงินจ่ายสำหรับการผ่าตัดในครั้งนี้

Monday, September 9, 2013

หนึ่งวันก่อนผ่าตัด - one day before sergery

เดิน ๆๆๆ ทำเรื่องเอกสาร

สุดท้ายช่วงบ่ายก็ได้มาอยู่ห้องพิเศษ

ระหว่างนั้นก็จะมีหมอพยาบาลมาเดินพูดคุย

พยาบาลมาวัดไข้ เจาะเลือดด้วย เจ็บอยู่นะ

เบื่อ ๆๆๆ

ยังไงไม่รู้ ต้องสวนตูดด้วยนี่สิ เห่ออออ

Thursday, September 5, 2013

A cup of coffee

I drank coffee today. I felt fresh and had mood to do some productive things.

Lately I stopped drinking coffee because I didn't want me addicted to it.

Few days ago I had no mood to work. I didn't want to draw pictures. But I still found something to do like reading.

I thought so much about my life. I slept so much and had a lot of dreams.

Maybe I will try to drink coffee again. Maybe good ideas come over a cup of coffee.

I have 2 cans of beer in my room but I haven't drink it yet. I don't want to have an headache in the next moring. And alcohol make me depressed sometimes in the next morning.

Actually I prefer wine (haha). Beer make me fat.

I think about buy a bottle of wine to drink, but it is kind of expensive.

Recently, I have negative thinking about money. I have no money. I have no good income.

I know, I will have to change my mind to positive.

I have to happy with the things I have.

I have to make decisions. Decision is progression.

Wednesday, September 4, 2013

How many books I have to read?

How many books I have to read to get start to do something that it works?

What should I do now?

How can I make the things right?

Who am I?

Stock Images

My latest images for sale at Shutterstock:

My most popular images for sale at Shutterstock: