เงินจ่ายออกไป เดี๋ยวมันก็จะกลับเข้ามา
และเราควรใช้เงินมาซื้อสิ่งที่เราอยากกิน อยากได้
ถ้าเราเก็บเงินไว้ใช้ยามตกอับหรือยามฉุกเฉินอะไรก็แล้วแต่ เราก็จะมีวันตกอับจริง ๆ
เพราะฉะนั้น ควรเก็บเงินไปทำสิ่งอื่น เช่นเอาไปซื้อประสบการณ์การท่องเที่ยว เอาไปกินข้าวกับคนที่เรารัก(บางทีอยากกินอะไรแบบดี ๆ หน่อย)
พอมาพูดกับพ่อวันนั้น
พ่อทำให้รู้สึกว่าเงินหายาก พ่อนี่จะเป็นคนบอกเราตลอดว่าให้ประหยัด แต่เราก็ไม่ได้อินกับคำสอนนี้หรอกนะ คือแบบว่าเราก็ไม่เห็นตัวอย่างจากพ่อหรือแม่ไง และไม่เข้าใจว่าประหยัดนี่คือต้องใช้เงินยังไง ต้องกินข้าว 30 บาททุกมื้อหรือต้องซื้อของใช้ราคาถูก พ่อแม่ไม่เคยสอนลงรายละเอียดไง
บ้านเรานี่เป็นหนี้ตลอดเวลา คือว่าพ่อก็กู้ตลอด เวลาจะสร้างบ้าน จะซื้อรถ ก็จะกู้
แต่เราไม่เคยได้รับรู้ตัวเลข
พ่อแม่จะบอกตลอดว่า อยากทำอะไร อยากได้อะ ก็บอกมา อะไรงี้อะ เราก็ไม่รู้ว่ามันต้องยังไงอะ สมมุติอยากได้ของชิ้นนึง หรืออยากได้รถคันนึงนี่ต้องบอกยังไง
เมื่อก่อนก็เคยบอกไป แต่เราคิดว่า มันน่าจะ เราบอกไปปุ๊บ พ่อแม่จะพยายามหาทางให้เราได้ของสิ่งนั้น แล้วพ่อแม่ก็จะคิดว่า นี่แหละ พ่อแม่รักเรา ถึงยอมซื้อให้เราได้ มันเป็นเงินที่มากเชียวนะ พ่อแม่อาจคิดงี้ แต่เราไม่รู้ ไม่เคยรับรู้ เพราะพ่อแม่ไม่เคยบอก
พ่อแม่คาดหวังให้ลูกคิดเอง
จะบอกให้ว่า คนเรานะ พูดกันตรง ๆ นี่ง่ายกว่า มันเลยกลายเป็นนิสัยคิดแทนคนอื่นไป ในสังคมเราน่ะ พ่อจะชอบมั้ย แม่จะชอบมั้ย พ่อแม่จะเสียใจมั้ย ต้องคิดเอง
เราคุยกับเพื่อน เพื่อนบอกว่า ไม่กล้าบอกเรื่องไม่ดีกับพ่อแม่ เพราะกลัวพ่อแม่จะเสียใจ ก็เลยบอกแต่ด้านดี ๆ ของตัวเองไป แต่ในความเป็นจริง คนเราทั้งตัวพ่อแม่และเรานั้นมีสองด้าน คือทั้งด้านดีและไม่ดี พ่อแม่ก็เลือกที่จะพูดด้านดีกับลูก เช่นพ่อได้เลื่อนตำแหน่ง ได้ตกเบิก บลา ๆๆ ลูกก็พูดว่า ได้เกรดดีหยั่งงั้นงี้
เราคิดว่าคนเราควรพูดเรื่องที่ไม่ดี เรื่องที่ทำผิดพลาดด้วย เช่น พ่อเผลอไปเซนต์ค้ำเค้าไว้ เลยต้องมาใช้หนี้แทนเลย หรือเคยทำผิดพลาดอื่น ๆ เพราะคนเราสามารถเรียนรู้ได้จากความผิดพลาด และเรื่องก็ยังฟังดูสนุกกว่าด้วย ที่เราจะได้เรียนรู้ว่า พ่อแม่หรือเราผ่านจุดนั้นมาได้ยังไง แก้ปัญหาได้ดีหรือไม่ดี ได้เรียนรู้อะไรจากเรื่องนั้นบ้าง
โอเค จากการที่เราไม่พูดกันตรง ๆ
พ่อจะซื้อรถให้เรา
พอเราได้มารู้เรื่องเงินของบ้าน เราก็รู้สึกว่า "เราไม่คู่ควรกับการได้รถ" นี่ มันเกิดความรู้สึกอย่างนี้ ซึ่งเราไม่อยากรู้สึกอย่างนี้เลย ก่อนหน้านี้เรารู้สึกว่า พ่อแม่มีหน้าที่ต้องเลี้ยงดูลูกอย่างดีที่สุด เพราะว่าพ่อแม่ทำให้เกิดลูกมา พูดง่าย ๆ คือถ้าไม่มีปัญญาเลี้ยงก็อย่ามีมันเลยลูกน่ะ พูดตรงๆ พ่อแม่มีหน้าที่ส่งเสริมในสิ่งที่ลูกอยากทำ ทำให้เค้าก้าวไปให้ได้สูงที่สุดในชีวิตเค้า
ถ้าพ่อแม่ที่มีลูกเพื่อหวังจะให้ลูกมาเลี้ยงตอนแก่ เรามองว่าเห็นแก่ตัว คือคิดมีลูกก็เพื่อตัวเองน่ะ
และมาถึงตอนนี้ เราก็ยังไม่รู้เรื่องการเงินที่บ้านอยู่ดี และไม่รู้ว่าพ่อแม่จะเลี้ยงเราไปถึงเมื่อไหร่ และไม่รู้เมื่อไหร่เราถึงจะเลี้ยงตัวเองได้ และเมื่อไหร่เราถึงจะเลี้ยงพ่อแม่ได้
อยากมีความสุขในชีวิตทุก ๆ วัน อยากมีเงินใช้เท่าที่ใจอยากจะใช้
แต่พ่อเรามองว่า ก็มีกิน มีเงินเดือนทุก ๆ เดือน มีวันหยุดทุก ๆ เดือน แก่มามีบำนาญ มันไม่รวยแต่มันก็อยู่ได้
ความคิดมันต่างกันอย่างงี้
เราจะไฟท์ในแบบของเรานี่แหละ เราคู่ควรกับทุกสิ่งบนโลกนี้ที่เราอยากจะได้!