ในที่สุดก็ได้วีซ่าท่องเที่ยวออสเตรเลียมาครอบครอง
ขอไปสองครั้ง ครั้งแรกไม่ผ่าน ครั้งที่สองผ่าน
สรุปให้สั้น ๆ เผื่อนคนที่ไม่อยากอ่านยาว
1. เราขอวีซ่าท่องเที่ยวแบบ single ก็ได้แบบ signle 3 เดือน เราวางแผนไปทั้งหมด 24 วัน
2. ระยะเวลา ซับมิตฟอร์ตมวันที่ 8 กพ. เก็บไบโอเมตริค 9 กพ. มีคนโทรมาสัมภาษณ์ 19 กพ. หลังจากมีคนโทรมาสัมภาษณ์อีกประมาณ 5 นาทีอีเมลผลวีซ่าก็มาเลย สรุปใช้เวลาทั้งสิ้น 7 วันทำการ
3. เงินในบัญชีมีอยู่ประมาณแสนห้า
จะเล่าให้ฟังนะ
หลังจากครั้งแรกที่ไม่ผ่านก็นอยด์ไปนิดนึง คือเราอาจจะประเมินต่ำไป คิดว่ามันจะง่าย ๆ แบบว่า เมกาก็ไปมาแล้ว อังกฤษก็ไปมาแล้ว ออสก็คงจะชิล ๆ
ปรากฏว่า ขอวีซ่าไป ซับมิทฟอร์มไปปุ๊บวันนี้เย็น ๆ ยังไม่ทันไปเก็บไบโอเมตริค วันรุ่งขึ้นอีกเมลว่าวีซ่าไม่ผ่านมาเลยจ้า ไม่มีการโทรมาสัมภาษณ์อะไรใด ๆ ทั้งสิ้น ฟิ้ววววว....สามพันกว่า ปลิว
เราถึงขั้นงงว่า เฮ้ย ไม่ได้ไปเก็บไบโอเมตริค ผลออกแล้วเหรอ แต่หลังจากอ่านกระทู้พันทิปก็พบว่า มีเหตุการ์แบบนี้เกิดขึ้นได้เหมือนกัน
ดังนั้น ในการขอครั้งต่อไปของเราต้องทำให้ดีที่สุด
ในจดหมายเหตุผลที่วีซ่าไม่ผ่าน เค้าบอกเราดังนี้
ประเด็นหลัก ๆ คือ
1. ไม่เชื่อว่าเราจะไปอยู่ออสเตรเลียแบบชั่วคราว ก็คือว่าไม่เชื่อว่าจะกลับไทยนั่นแหละ
2. เรื่องของหน้าที่การงานและการเงินไม่สตรอง
จากการที่ไปอ่านมา จากหลายที่มาก เจ้าหน้าที่เค้าจะสนใจว่าเงินที่คุณได้มานั้นได้มายังไง ถ้ามีเงินก้อนใหญ่เข้ามาต้องบอกว่ามันมายังไง แบบว่ามีเอกสารบอก เช่นเราขายงานได้เงินมาตู้ม เราก็เอาสัญญาที่ตกลงกันว่าจะขายงานกันเป็นจำนวนเงินเท่านี้นะ แนบไปด้วย เราว่าน่าจะรวมไปถึงคนที่ ถูกหวย ขายบ้านขายรถได้ ได้โบนัส ถอนออกมาจากหุ้น ไรเงี้ย ควรแนบเอกสารไปด้วย
ครั้งแรกที่เรายื่น เราไม่ได้ยื่นเอกสารทางการงานเลย เพราะทำงานเป็นกราฟฟิคดีไซน์ฟรีแลนซ์ ทำกับหลายที่ ไม่มีต้นสังกัด เรายื่นแค่สเตทเมนท์เซฟจากคอมของธนาคารกรุงเทพ ยอดเงินมีอยู่ประมาณแสนสามหมื่นบาท และการเคลื่อนไหวบัญชีมีเงินมันมีเข้ามาตู้มสองแสน กับสี่ห้าหมื่น ๆ อะไรเงี้ย
เราจึงแก้เกมโดย
ประเด็นที่ 1 ที่ว่า ไม่เชื่อว่าเราจะไปอยู่ออสเตรเลียแบบชั่วคราว เราส่งเอกสารเพิ่มดังนี้
1. ทะเบียนรถยนต์(เนี่ย ๆๆ ชั้นมีรถนะ)
2. บิลค่าไฟที่ให้ตัดบัญชีเรา(มันจะมีชื่อเราอยู่ เพื่อที่จะสื่อว่า เนี่ย ๆๆ ชั้นมีบ้าน ชั้นจ่ายค่าไฟ)
3. ข้อนี้ไม่แนะนำนะ แต่เราซื้อตั๋วเครื่องบินแล้ว คือว่าซื้อไว้ตั้งแต่ก่อนขอวีซ่า เพราะมีตั๋วโปร เราเลยแนบตั๋วเครื่องบินไปด้วย(เราก็เห็นคนไม่แนะนำกันเยอะ แต่คนก็ซื้อตั๋วก่อนอยู่ดี ฮาาาาา)
ประเด็นที่ 2 เรื่องของหน้าที่การงานและการเงินไม่สตรอง ครั้งนี้จะจัดเต็ม
1. เราแคปเจอร์หน้าจอเว็บไซต์ที่ทำทำงานด้วยเกือบทั้งหมด สิบกว่าเว็บที่เราวาดรูปขาย เซฟเป็นไฟล์ pdf ไป แล้วก็เขียนหัวข้อว่า online agencies that I work for เอาลิงค์พอร์ตโฟลิโอใส่ไปด้วย
2. เราเซฟ history จากใน paypal ว่ามีคนจ่ายเงินให้เรานะ เซฟเป็นไฟล์ pdf มาประมาณ 6-7 เดือน ให้เห็นว่ามีเงินเข้า
3. เราไปธนาคาร ไปขอเสตทเมนท์(รอบนี้มียอดเงินแสนห้า)และbank cirtificate(อันนี้เค้าจะมีสรุปว่ายอดเงินในบัญชีเรามีเท่าไหร่ เราบอกให้เค้าแปลงเป็นหน่วย AUD ด้วย ของเรามีประมาณ 6000AUD) แบบจริงจัง เสีย 200 รอรับได้เลยของธนาคารกรุงเทพ เอามาสแกนแล้วแนบไปกับที่ขอวีซ่า
4. สเตทเม้นแบบโหลดเอาจากอินเตอร์เน็ตแบงกิ้งของธนาคาร อีก 3 ธนาคาร ได้แก่ ไทยพาณิชย์ กสิกร กรุงไทย ซึ่งเงินก็มีไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ แบบหลักพัน หลักหมื่นต้น ๆ แต่เราก็คิดว่า การมีบัญชีธนาคารเยอะ ๆ ก็เป็นหลักฐานที่เชื่อได้ว่าเราจะกลับมาไทยเหมือนกันนะ แบบว่ามีความผูกพันธ์ทางธุรกรรมทางการเงิน(อันนี้มโนเองนะ) เราว่านะ การที่เราจะไปเที่ยวได้ เราต้องแสดงให้สถานทูตเห็นว่าเรารวย รวยแบบไปเที่ยวได้ รวยด้วย ผูกพันธ์กับเมืองไทยด้วย อะไรเงี้ย น่าจะผ่านได้ง่าย
5. แคปเจอร์หน้าจอสรีมมิ่ง พอร์ตหุ้นว่ามีเงินนะ มีอยู่หมื่นห้าได้
6. เอาสัญญาเซนต์ขายงาน แนบไป 2 สัญญา ว่าขายงานนะ ครั้งก่อนได้หกหมื่น ครั้งนี้ได้แสนแปด อะไรก็ว่าไป เราคิดว่ามันคือที่มาของเงิน
7. เอกสารใบภาษีของ shutterstock ตั้งแต่มี 2014 2015 2016 2017 ให้เห็นว่าเราทำงานที่นี่มานานนะ อะไรทำนองนี้
8. เอกสารสรุปคำนวณภาษีจากเว็บ TSD ว่าเรามีหุ้นนะ มีปันผลนะ อะไรเงี้ย
แผนการท่องเที่ยว เราทำแบบคร่าว ๆ มาก หาไว้แต่ที่พัก พักโฮสเทล เรายังไม่ได้จองนะ แค่แคปหน้าจอว่า เนี่ย จะจองที่นี่นะ เค้ามีโปรโมชั่นแบบนี้(ซึ่งตอนนี้เราก็จองแล้วที่แรกจริง ๆ จ่ายเงินแล้วเพราะวีซ่าผ่านแล้ว ลั้นลา ๆ ส่วนที่อื่นเดี๋ยวรอไปถึงออสค่อยว่ากัน อยากไปเดินดูบ้านเมืองก่อน)
|
ทำในเวิร์ด แล้วเซฟเป็น pdf แนบไป |
อีกอย่างที่อยากเล่าให้ฟัง ด้วยความที่ใกล้จะเดินทาง แต่วีซ่ายังไม่ออก เราเลยหาทางว่าจะมีคาถาหรือมีวิชากำลังภายในไหนได้บ้างที่จะช่วยเร่งวีซ่า ใน immi account เราสถานะมันขึ้น assetment in progress เราก็แบบว่า ทำไมคนอื่นเค้าได้เร็ว แล้วเราได้ช้า เซิชหาข้อมูลอยู่นั่น บางคนเก็บไบโอเมตริคเช้า วีซ่าออกเที่ยง บางคนวีซ่าออกเย็น ป้าด มันจะเร็วอะไรปานนั้น ของเราผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ ไม่ออก
เราเลยส่งอีเมลพร้อมตั๋วเครื่องบินว่า เนี่ย...เราใกล้จะเดินทางแล้ว ช่วยเร่งวีซ่าให้หน่อย(แต่เขียนเป็นภาษาอังกฤษแบบสุดภาพนะ แบบว่า could you please blah blah blah.....)ไปตามที่ info.... vfs เค้าบอกว่า เค้าไม่มีหน้าที่ในการพิณาวีซ่า เร่งไม่ได้ แล้วเค้าก็ให้อีเมลสถานทูตออสเตรเลียมา เราเมลไป เป็นออโต้เมลตอบกลับมาว่า เมลคุณจะไม่ได้รับการฟอร์เวิร์ดต่อนะ เราคิดว่าเค้าคงไม่รับเร่งวีซ่าหรอก แต่เราก็ถือว่าเราได้เมลไปแล้ว ข้อมูลตรงนี้ก็ไม่ได้ช่วยเพื่อน ๆ ขอวีซ่าได้เร็วขึ้นนะ คือเราทำไปแล้วมันไม่ได้ผล เราเลยมาบอกว่ามันไม่ได้ผล
ถ้าจะให้ดี ก็ควรขอวีซ่าล่วงหน้า เผื่อเวลาไว้เยอะ ๆ แต่ก็นั่นแหละ บางทีมันก็ รู้....แต่มันไม่ได้ทำ เราก็คิดว่าเราเผื่อเวลาแล้วนะ แต่พอมันใกล้วันเดินทางมันก็ชักหวั่นใจว่าจะไม่ทัน แต่ของเราสรุปก็ทัน ถ้าไม่ทันคงได้เสียเงินเลื่อนตั๋วโปร(ซึ่งราคามันก็จะไม่โปรนะซี่ ปัดโถ่ว!)
ที่จริงจะว่าไป เราก็ขอวีซ่าล่วงหน้านะ แต่ครั้งแรกดันไม่ผ่าน เสียเงินขอวีซ่าสองรอบ ...เจ็ดพัน ดูสิชีวิต
เรื่องเจ้าหน้าที่โทรมาสัมภาษณ์
เบอร์ 023446300 โทรมาตอนประมาณสี่โมงเย็น เป็นจนท.ผู้หญิง คนไทย เค้าคุยประมาณ 5 นาที มีคำถามประมาณนี้ ไปเที่ยวที่ไหน ไปกี่วัน ทำงานอะไร ระหว่างเที่ยวจะเอาเงินจากไหนใช้ เล่าให้ฟังหน่อยว่าจะแผนเที่ยวจะทำอะไรบ้าง เรียนที่ไหน ในระยะสองปีนี้ได้เดินทางไปไหนมาบ้าง มีแผนจะไปกี่เมือง จะไปนิวซีแลนด์ไหม
ในระหว่างรอผลวีซ่า เราก็ถือเป็นการฝึกจิตนะ มันลุ้น มันกลัวไม่ผ่าน แต่เราต้องวางใจ เราต้องเชื่อว่ามันจะผ่าน สวรรค์ต้องเปิดทางให้เรา เราก็นั่งสมาธินะ เพื่อให้บุญจากการนั่งสมาธิส่งผลให้วีซ่าผ่านอย่างราบรื่น แล้วเราก็จะได้มีสติปัญญาในการคิด การเตรียมเอกสาร แล้วเราก็เตรียมของเหมือนว่าวีซ่าผ่านแล้ว รอวันเดินทาง เช่น หาข้อมูลท่องเที่ยว ทำความสะอาดบ้าน ไปขูดหินปูน เซิชหาที่แลกเงิน หาข้อมูลเรื่องการใช้บัตรเครดิตที่ต่างประเทศ เอารถไปเข้าศูนย์ ฯลฯ อะไรเงี้ย คือเราก็ถือว่า ถ้าวีซ่าผ่าน เราก็ได้จัดการชีวิตเรียบร้อย แล้วไปเที่ยวได้ ถ้าวีซ่าไม่ผ่าน ก็ถือว่าได้จัดการชีวิตล่ะวะ อาจจะต้องเตรียมขอวีซ่าครั้งที่ 3 และเลื่อนตั๋วเครื่องบิน คือว่า เราคิดว่า ไม่มีอะไรมาหยุดเราได้ เราก็จะทำจนถึงที่สุด ถึงจะยอมแพ้ แค่โดนปฏิเสธวีซ่าครั้งเดียวทำอะไรเราไม่ได้หรอก ฮ่า ๆ
ถ้าเราเชื่อว่าเราทำได้ เราก็จะทำได้ เฮ่!