สวด ๆ ไปเลย อยู่จนไม่รู้จะทำอะไร
เต็มที่มากเลย พอใจมาก อยู่เต็มที่ กินเต็มที่ ไม่อดอยาก ไม่โหยหาอาหารไทย ร้านอาหารไทยเยอะดี
ดีแล้วที่ตัดสินใจมา ถ้าไม่มาก็ไม่แล้วใจซักที ขอบคุณที่มีเงินมากินใช้
อยู่โฮสเทลมากเกินไป โหยหาความเป็นส่วนตัว
หนาวเกินไป ในตอนแรก แต่ตอนนี้ก็เริ่มอุ่นขึ้นมาละ ก็โออยู่ คนเราต้องการที่อุ่นที่อยู่เพื่อพัก และพร้อมที่จะไปเผชิญที่เย็นข้างนอก แต่ถ้าที่พักไม่อุ่นจะซัฟเฟอร์มาก
กิน จนไม่รู้จะกินอะไร
เดินจนปวดเข่า หลัง ๆ ไม่อยากเดินละ ขี้เกียจเดิน เลยนั่งรถบัสเอา
บางวันก็กลัว กลัวอะไรก็ไม่รู้ กลัวโฮมเลสเข้ามาหา หรือมาพูดด้วย
กลัวสายตาคนอื่น ต้องก้าวข้ามอันนี้ไปให้ได้ ต้องช่างมัน
ถนนหนทางตอนหลัง ๆ นี่ดีเพราะเริ่มจำถนนได้ ไม่ต้องดูแผนที่บ่อย
ขึ้นรถสาธารณะหลายอย่าง รถบัส ไลท์เรล รถbart รถราง รถ อยู่ powell เคยไปรอรถสาย N ที่รอรถบัส รอยังไงก็ไม่มา มาแต่สายตัวเลข กับสาย F รอจนเหนื่อย เลยเซิชเน็ตดู อ้าว ต้องลงไปรอที่สถานีรถ bart ข้างล่าง โอ เก็ตเลย
มานี่ได้อะไรบ้างนะนี่
ได้รู้จักเมืองซานฟรานซิสโก มันก็เป็นอีกเมืองหนึ่งอะนะ มีคน มีห้าง มีร้าน มีอะไรต่าง ๆ เหมือนที่ไทยมีนี่แหละ มันเป็นวิถีชีวิตของคนเมืองนี้
มาได้เห็นความเหลือเฟือของอเมริกา อาหารไซส์ใหญ่ ทิชชู่มีใช้ไม่ขาด กาแฟกับชามุกราคาพอ ๆ กัน
สตาร์บัคส์ก็คือกาแฟที่มีมาตรฐานหนึ่งในอเมกา มันราคาอเมริกาพอมาบ้านเรามันก็เลยแพง ที่นี่ คนโฮมเลสก็กินสตาบัคส์ เอาแก้วสตาร์บัคส์นั่นแหละมาขอเงิน โอ้ย
จะดีมาก ๆ ถ้าซานฟรานไม่มีโฮมเลส ไม่ชอบโฮมเลสจู่โจมเลย หะ ๆๆ แต่พอไปเดินแถวทางบ้านคน หรือทางที่ไม่มีโฮมเลส มันก็รู้สึกดีอะนะ โฮมเลสชอบอยู่ถนน market, eddy, ellis, leavenworth และตามห้องสมุดและสวนสาธารณะต่าง ๆ เราก็ทำใจกล้า ๆ เดินไปอะนะ เดินไม่หยุด ก็ไม่มีอะไรนะ หรือบางทีเราคิดมากไปเองก็ไม่รู้
คนแปลก ๆ เยอะ เดินพูดคนเดียว นั่งรถสาธารณะต่าง ๆ แล้วก็พูดอยู่คนเดียว คือแบบก็กลัวเบา ๆ อะนะ อย่ามาใกล้ แต่บางทีกลิ่นนี่ก็แบบแรงอะนะ
สิ่งที่ชอบมากที่สุดคือ ปู ที่ฟิชเชอร์แมนส์วอฟ มาก็จะมากินปูนี่แหละ
ช็อกโกแล็ตร้อน กิลาเดลี อันนี้ก็อร่อย วิปครีมอะไรไม่รู้ อร๊อย อร่อย 55
Sunday, January 29, 2017
Sunday, January 8, 2017
วันที่ 16 ในเมกา - 16 days
เมืองซานฟรานซิสโก มองเห็นเบย์บริจด้วย |
[วันที่ 16 เริ่มรู้สึกอินกับเมือง] จะเล่าให้ฟังฮะ พิมพ์มาเมกา เพราะว่าอยากรู้ว่า ถ้ามาอยู่แล้วจะรู้สึกยังไง การมาอยู่ประเทศโลกที่หนึ่งนี่ ความคิดแรกคือ มันต้องดีมาก ๆ แน่ ๆ เลย ทั้งผู้คนเฟรนลี่และบ้านเมืองที่เป็นระเบียบเรียบร้อยและความอิสระในการแสดงออกของผู้คน
วันนี้ต้องไปทำภาระกิจคือเอากาแฟไปให้เพื่อนของเพื่อนที่ยูซีเบิร์กลี่ ซึ่งอยู่เมืองใกล้ ๆ กัน ต้องนั่งรถไฟไป ตามสเต็ป คือนั่งรถไฟ(ชื่อว่ารถ BART)ผิดสาย ก๊ากกก ก็ถามเจ๊ที่นั่งข้าง ๆ นั่งสัปหงกอยู่ เป็นชาวเอเชียเหมือนกัน(แถวนี้เอเชียเยอะ) ว่านี่รถไฟสายสีอะไรเนี่ย ขึ้นมามั่วเนี่ย รถนี้จะไปไหน เขาก็บอก เราก็ออ ๆ พอจะเริ่มจับทางได้ (จากประสบการณ์เคยใช้แต่บีทีเอสที่กทม. มันก็มีแค่สองสาย อันนี้มันมีสี่ห้าสาย ก็งง) ก็คือต้องดูป้ายที่ชานชาลา เวลารถไฟมา มันจะบอกเราว่ารถนี้ปลายทางไปไหน
พอกลับ รถ BART ก็เริ่มชิว แบบก็ดูสายรถ ไม่ลนเหมือนนั่งครั้งแรก(จริง ๆ นั่งครั้งแรกที่สนามบิน แต่มันเป็นปลายทางก็ไม่ยาก คือนั่งอันไหนมันก็เข้าเมืองเมืองทั้งนั้น) ก็นั่งรถกลับ แวะซื้อของแถวร้านซีวีเอสที่ซีวิคเซ็นเตอร์ ก็เจอคนโฮมเลสประปราย แต่ไม่ได้รู้สึกกลัวเหมือนตอนแรกแล้ว เค้าก็อยู่ของเค้าไป เราก็เดินของเราไป แล้วก็นั่งรถบัส(ชื่อว่ารถมูนิ)กลับบ้านแอร์บีเอ็นบี พอใกล้ ๆ ถึงบ้านก็นั่งรถบัสเลยป้ายไปเพราะว่าจะไปซื้ออาหารเย็นก่อนกลับบ้าน(ทำตัวเหมือนคนเมือง รู้แล้ว ว่าต้องลงรถยังไง อี้ว่ะ ก็นั่งไป) ก็ไปซื้อสตรอเบอรี่มาเป็นอาหารเย็น แล้วก็เดินกลับบ้านอีกประมาณสิบนาที
ระหว่างเดินก็คิดว่า ชีวิตมันก็เป็นอย่างเงี้ยเนาะ เมืองนี้ก็มีชีวิตแบบนี้ ไม่ได้มีอะไรว้าว ๆ แต่มันเป็นของมันแบบนี้ และวันนี้เป็นวันที่รู้สึกว่า เออ เริ่มอยู่ได้ เริ่มรู้ทาง รู้ว่าไปไหนอะไรยังไง เนี่ยแหละ ประสบการณ์ชีวิต ที่ได้มาสัมผัสเอง เมืองซานฟรานซิสโกนี่ก็มีอะไรหลายอย่างเหมือนเมืองไทยนั่นแหละ แต่ที่ไทยถูกกว่า(ก๊ากกก) แต่ที่นี่อาหารจะจัดเต็มในเรื่องของปริมาณอะนะ และกาแฟแถวนี้ก็ใช่ว่าจะอร่อยทุกร้าน มันก็มีทั้งดีและไม่ดี คือที่ไหน ๆ ก็มีความหลากหลายแตกต่างกัน งี้แหละ
Tuesday, January 3, 2017
อากาศหนาวกับความสุขที่หายไป - cold weather and the loss of happiness
เมื่อวานย้ายจากโฮสเทลในดาวน์ทาวน์มาอยู่อีกฝั่งนึงคือฝั่ง sunset มันคือฝั่งที่อยูอาศัยมีบ้านอยู่เยอะ ๆ ร้านอยู่น้อย ๆ
นั่งรถบัสสาย 7 มาอย่างสบายใจ ประมาณห้าสิบนาทีก็ถึงที่ เดินมาอีกหน่อยก็ถึงบ้าน บ้านนี้จอง airbnb ไว้เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ อยากรู้ว่ามาอยู่ทางฝั่งเงียบ ๆ แล้วจะเป็นยังไง
เดินมา เจอบ้าน เวลาประมาณ 11 โมงเช้านะตอนนั้น แต่ไม่ได้นัดเวลาเจ้าของบ้านไว้ ไปถึงก็บ้านล็อกอะสิทั่นผู้ชม! ทำไงดีวะ เวลานั้น มีกระเป๋าแบคแพ็คอันใหญ่หนึ่งอันสะพายหลัง อันเล็กหนึ่งอันสะพายหน้า พร้อมด้วย แถบนี้อยู่ใกล้ทะเล ลมแรงน่ะสิฮะ แถมยังหนาวเป็นพิเศษด้วยวันนี้ ตายแน่ ๆ เจอกริ่ง กดกริ่ง ....เงียบ ดีที่มีมือถือมีเน็ต เลยหาเบอร์เจ้าของบ้านแล้วแมสเสจไปหา ...เอหรือจะโทรดีนะ คิดในใจ แต่ก็ไม่โทร คิดอยู่ สักพักมีคนเดินออกมาพอดี เอ้ย ไอ ๆ เนี่ยไอจองแอร์บีเอ็นบีไว้ แต่ติดต่อเจ้าของบ้านไม่ได้ คนนั้นก็ถาม ยูอ่าน house's manual รึยัง อ้าว มีด้วยเหรอ แล้วคนนั้นก็เดินออกไปเลย พร้อมทั้งประโยคส่งท้าย That's your problem โอ้ กอชชช เยี่ย มายพรอบเบล็ม แต่ก็ยังดี เค้ายังเปิดประตูให้หนึ่งชั้น มันจะมีประตูด้านในอีกชั้น ซึ่งใส่โค้ดไว้
พออ่านในมือถือ จากที่จองแอร์บีเอ็นบี ที่เจ้าของบ้านให้ข้อมูลบ้านไว้ ได้ความว่า ด้านในมีหรัสผ่าน ดังนี้ **** ก็เลยลองกดดู โป๊ะเชะ แคร่ก! ประตูเปิดเว้ยเฮ้ย
ดีใจมาก เข้ามานั่งข้างใน บ้านไม่มีใครอยู่เลย นั่งซักพัก กะว่ารอเวลา เพราะว่าเวลาเช็คอินจริง ๆ คือบ่ายสาม เราคิดว่าบ่ายสาม มันต้องมีใครซักคนมารับเราเช็คอินดิ
ซักพักเจ้าของบ้านแมสเสจกลับมา พร้อมวิธีเปิดประตูหน้าบ้าน พร้อมวีดีโอสาธิตด้วยนะ เราก็เออเฮ้ย ใช้เป็นแล้ว ออกไปเดินเล่นดีก่า
อื้อหือออออ เดินออกไปได้ซัก 10 ก้าว ยังไม่ทันข้ามถนน คือลมแรงทะลุเสื้อหนาวสองชั้น เราใส่เสื้อยืดหนึ่ง เสื้อหนาวสอง เอาไม่อยู่เฮ้ย แต่ในเมืองแบบนี้เอาอยู่อะ วกกลับมาด่วนเลยจ้า ต้องได้ควักเสื้อขนเป็ดปล้อง ๆ ของยูนิคโลมาใส่ มันกันลมได้ดีด้วย ใส่เสร็จแน่นมาก เลยเอาเสื้อขนเป็ดนี้ใส่ไว้ข้างในแทนแจ็กเก็ตตัวนอก เดินออกมา ก็โอขึ้นมาหน่อย แต่ก็ยังหนาวอยู่ มันลมมากจริง ๆ วันนี้
ฝั่งนี้ของเมืองอยู่ติดกับทะเลแปซิฟิก มองจากถนนเห็นทะเลเลยอะ
ลองเดินไปทะเลดู คือแบบ ลมแรงมาก พัดทรายปลิว ทรายเข้ารองเท้าอีก ตีนก็เย็น ทรายก็ทราย แล้วคนแถวนั้น แม๊ง เดินเท้าเปล่าริมชายหาด ทรายสีดำด้วย ชายหาดก็ไม่ค่อยสวย แล้วก็มีคนเอาหมามาเดิน มีคนวิ่งออกกำลังกาย คือแบบ ถ้าอากาศงี้ที่ไทยคือ ไฟท์มากอะ แต่ที่นี่คงเป็นปกติ เทียบกับไทย อากาศเราโอเคกว่าเยอะเลย หนาวอะ ลมด้วย
จะหาร้านกาแฟนั่ง ปรากฏ คนเยอะทุกร้าน แม่เจ้า คือแบบต่อคิวจนล้นออกมานอกร้านอะ มันจะอะไรกันขนาดนั้น เลยแบบ โอ้ย เอาไงดีวะ เนี่ยก็บ่ายแล้วยังไม่ได้กินไร ร้านไหนก็คนเยอะ เลยเดินเข้าเซเว่น พร้อมกับซื้อเบอร์เกอร์ และของกินประทังชีวิต พร้อมทั้งมาม่าและไข่ กะว่าเอาไปกินที่บ้านก็ได้วะ เพราะว่าแบบว่า แถวนี้ไม่ค่อยมีร้านขายของเลยอะ แล้วก็หนาวอะวันนี้ ขี้เกียจออกมาอีก
เดินกลับบ้าน กินอะไรไปซักพัก นั่งรอ ก็มีคนมาจริง ๆ ด้วย มาจัดเตียงจัดอะไรให้ เค้าทำบ้านเค้าเป็นที่พักอะ ซื้อเตียงสองชั้น เตียงเสริม กั้นห้องต่าง ๆ แล้วเจ้าของบ้านก็อยู่ชั้นล่าง แล้วให้เรา ๆ ทั่น ๆ อยู่ชั้นบน มีคนมาอยู่ประมาณหนึ่งเลยทีเดียว บรรยากาศไม่เหมือนโฮสเทล บรรยากาศไม่เหมือนบ้าน บรรยากาศแบบเหมือนอยู่กับใครก็ไม่รู้ อะไรเงี้ย หรือเรายังไม่ชินก็ไม่รู้
และปัญหาก็เริ่มตรงนี้ เราถามเค้าว่า มีฮีทเตอร์มั้ย เค้าบอกว่า มันเสีย น่าจะได้ซ่อมพรุ่งนี้ เราก็แบบ เหวอแล้ว ตายแล้ววันนี้ หนาวมาทั้งวัน นั่งเล่นคอม มือเย็นได้อีก
นั่งเล่นคอมแบบเย็น ๆ อยู่มาถึงตอนเย็น ก็ไปอาบน้ำ เจอคนที่อยู่ห้องเดียวกัน เค้าบอกว่า เค้าก็อยู่แบบไม่มีฮีทเตอร์นี่แหละ เราแบบไม่มีความสุขเลยอะ กะว่ามาที่นี่จะนั่งเงียบ ๆ ทำงาน ปรากฏว่ามันหนาวจนทำงานไม่ได้ คือมันก็หนาวแบบ 7 8 9 องศาอะนะ แต่เราไม่ได้ขยับตัวไง มันเลยยิ่งหนาว แต่ถ้าออกไปเดินอะไรงี้ก็โออยู่ คือแบบไม่มีความสุขอะ คิดเลยนะว่า ฉันมาทำอะไรที่นี่ โฮสเทลที่อยู่ก็ดีอยู่แล้ว ที่อ่านรีวิวมาแล้วว่าที่นี่มันดีคืออะไร คิดไปต่าง ๆ นา ๆ ว่า เค้าเซฟค่าไฟหรือเปล่า เขามีแต่เขาไม่เปิดหรือเปล่า ดูสิ ความคิดทางแย่ ๆ ก็มา แบบไม่สนุกเลยอะ หนาวเกินไป
บ่นกับเพื่อนที่อยู่ไทย บ่นไป กำลังคิดว่า เอาวะ ออกไปหาเบียร์กิน นี่ก็หกโมงกว่า น่าจะโอ กินเบียร์น่าจะอุ่นขึ้น เดินออกบ้านไป แปะ ๆ อ่าว ฝนตก! เอาวะ ตกนิดหน่อย เดินออกไปอีก แปะ ๆๆๆ เอ้ย หนาวก็หนาว ลมก็ลม ฝนตกอีก เดินกลับมาบ้านมาเอาร่ม ไฟท์มาก พอเดินออกไป ลมพัดแบบร่มจะปลิว ฝนก็ฝน แปะ ๆๆๆ ยังไม่ตกหนักนะ ตกแบบแปะ ๆ ลมด้วย คือเราไฟท์ไปว่ะ เราว่า เราเลยเดินกลับมาแบบยอมแพ้เลย
ต้มมาม่ากิน รสต้มยำกุ้ง ยี่ห้อมาม่าที่ซื้อมาจากเซเว่นแถวนี้ โอ้โห หน้าตาดีเว้ย แต่พอกิน จืดดดดดดด จืดชืดมาก นี่เหรอคือต้มยำกุ้ง กะว่าจะเจอของเด็ดซะแล้ว ปรากฏไม่เด็ดเลย ก็แหลก ๆ ไปนะ
ไปอาบน้ำ ดีหน่อยว่ามีน้ำอุ่น หายหนาวมาได้นิดนึง แต่ก็ไม่อยากทำอะไรต่อละ ก็นอนแบบใส่เสื้อผ้าจัดเต็ม ก่อนนอนได้คุยกับรูมเมทเป็นเด็กอายุ 19 อยู่เลย ชาวเวียดนาม ภาษาอังกฤษดีมาก มาเรียนไบโอเมดดิคอลเอ็นจิเนียริ่ง อยู่มหาลัยวอชิงตันรัฐมิสซูรี่ ปิดเทอมเลยมาเที่ยว อะไรเงี้ย ดูเป็นคนฉลาดเลยทีเดียวเชียว ก็ดีได้คุยแลกเปลี่ยนแนวความคิด ตอนเราอายุ 19 เรายังไม่อะไรกะชีวิตเลย
แล้วก็นอนตอนสี่ทุ่มกว่า
กลางคืน รูมเมทอีกคนนึงเข้ามา เป็นผู้ชาย สักพัก นอนกรนจ้าาา
คร่อก ๆๆ ทั้งคืน
เอาวะ อยู่ไป ตื่นมาตอนเช้า หนาวอะ หนาวแบบไม่อยากลุก ลุกออกไปก็ไม่มีฮีทเตอร์ แต่สุดท้ายก็ลุก หาอะไรกิน แล้วก็คิดในใจว่า โอ...อาหารเช้าก็ต้องเตรียมเอง ที่โฮสเทลมีอาหารเช้าให้ มีกาแฟร้อน ๆ ให้ ที่นี่ ต้องทำเองหมดเลย ห่อเหี่ยวมาก ๆ
ได้แต่นั่งเล่นคอมบ่นกับเพื่อนที่อยู่ไทย
คิดอะไรไม่ออกเลย กะว่า จะย้ายที่อยู่ดีมั้ย จะอดทนอยู่ต่อดีมั้ย บลา ๆๆ นั่งอยู่หน้าคอมถึงสิบเอ็ดโมง มือเย็นอะ คิดอะไรไม่ออก ก็เลยคิดว่า เอาวะ เดิน เดินออกไปหาอะไรกิน หาร้านนั่ง อุ่นขึ้นน่าจะคิดอะไรออก ก็เดินออกไป
มีน้องที่รู้จักกันที่ไทย เขาโตที่นี่ เขาชวนไปนอนบ้าน 2 คืน หนีหนาว ก็คิดอยู่ว่าไม่อยากรบกวนเขา ก็เลยบอกเขาว่า คิดก่อน
จะหาร้านกาแฟนั่ง โอ้ย เต็ม เต็ม คือแบบ เต็มอะ ก็เลยเดินไปอีกตามถนน เจอร้านอาหารจีน เอาวะ คนน้อย เข้าไปนั่งกินข้าวก็ได้ อุ่นมาหน่อยเดียวเองอะ กินข้าวราดผัดบล็อกโคลี่ กินข้าวแถวนี้ได้มาแต่ส้อม เหอะ ๆ
อิ่ม
เดินกลับบ้าน ได้รับแมสเสจจากตัวแทนเจ้าของบ้าน ว่ายังซ่อมไม่ได้
โอ่ย น่อ
เราก็คิด ปัญหาอะไรที่แก้ได้ด้วยเงิน สิ่งนั้นไม่ใช่ปัญหา
ก็เลยหาโฮสเทล จะอยู่เอาวะ โฮสเทลที่เคยอยู่นี่แหละ หาเปรียบเทียบราคาอะไรไป ตัวแทนเจ้าของบ้านเข้ามาจัดบ้านพอดี เขาจะมาเตรียมเตียง ประหนึ่งเป็นเฮาส์คีปปิ้ง แต่ก็เป็นเจ้าของบ้านด้วย บ้านนี้อยู่กันสองคนเจ้าของบ้านอะนะ คนนึงไม่อยู่(คนที่ลงลิสติ้งไว้ในแอร์บีเอ็นบี) อยู่อีกคนนึงเป็นตัวแทน
เขาบอกว่า เขาคุยกับเพื่อนเขา เพื่อนเขาบอกว่า ลองเปลี่ยนถ่านน่าจะดี ถ่านแผงควบคุมฮีทเตอร์อะนะ
เขาก็เลยซื้อถ่านมาเปลี่ยน ปรากฎว่า เปลี่ยนถ่านเสร็จ ดีจ้าาาาาาา
ขอบคุณสวรรค์มาก ๆ เกือบกดจองโฮสเทล เกือบเก็บของออกบ้านไปแล้วอะ เราดีใจมาก ๆ ขอบคุณเขาและกอดเขาเลย
บทเรียนครั้งนี้ เมื่อมีปัญหา ก็หาทางแก้ไข ไม่ว่าจะแก้ที่ปัญหาหรือถอยออกมา อย่างน้อยเราก็ต้องทำให้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมั่งอะน่า ถ้าเขาไม่ซ่อมฮีทเตอร์ เราก็แค่ย้ายออก
ช่วงเวลาก่อนตัดสินใจเป็นอะไรที่อึดอัดกับชีวิตจริง ๆ มันหนาว
เราคิดว่าคืนนี้จะดีขึ้น ขอบคุณ
นั่งรถบัสสาย 7 มาอย่างสบายใจ ประมาณห้าสิบนาทีก็ถึงที่ เดินมาอีกหน่อยก็ถึงบ้าน บ้านนี้จอง airbnb ไว้เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ อยากรู้ว่ามาอยู่ทางฝั่งเงียบ ๆ แล้วจะเป็นยังไง
เดินมา เจอบ้าน เวลาประมาณ 11 โมงเช้านะตอนนั้น แต่ไม่ได้นัดเวลาเจ้าของบ้านไว้ ไปถึงก็บ้านล็อกอะสิทั่นผู้ชม! ทำไงดีวะ เวลานั้น มีกระเป๋าแบคแพ็คอันใหญ่หนึ่งอันสะพายหลัง อันเล็กหนึ่งอันสะพายหน้า พร้อมด้วย แถบนี้อยู่ใกล้ทะเล ลมแรงน่ะสิฮะ แถมยังหนาวเป็นพิเศษด้วยวันนี้ ตายแน่ ๆ เจอกริ่ง กดกริ่ง ....เงียบ ดีที่มีมือถือมีเน็ต เลยหาเบอร์เจ้าของบ้านแล้วแมสเสจไปหา ...เอหรือจะโทรดีนะ คิดในใจ แต่ก็ไม่โทร คิดอยู่ สักพักมีคนเดินออกมาพอดี เอ้ย ไอ ๆ เนี่ยไอจองแอร์บีเอ็นบีไว้ แต่ติดต่อเจ้าของบ้านไม่ได้ คนนั้นก็ถาม ยูอ่าน house's manual รึยัง อ้าว มีด้วยเหรอ แล้วคนนั้นก็เดินออกไปเลย พร้อมทั้งประโยคส่งท้าย That's your problem โอ้ กอชชช เยี่ย มายพรอบเบล็ม แต่ก็ยังดี เค้ายังเปิดประตูให้หนึ่งชั้น มันจะมีประตูด้านในอีกชั้น ซึ่งใส่โค้ดไว้
ด้านนอกเป็นกุญแจแบบนี้ ซึ่งต้องใส่รหัสเพื่อเอาลูกกุญแจข้างในมาไขประตู มันมีช่องเก็บของอยู่ เกิดมาเพิ่งเคยเจอ |
ดีใจมาก เข้ามานั่งข้างใน บ้านไม่มีใครอยู่เลย นั่งซักพัก กะว่ารอเวลา เพราะว่าเวลาเช็คอินจริง ๆ คือบ่ายสาม เราคิดว่าบ่ายสาม มันต้องมีใครซักคนมารับเราเช็คอินดิ
ซักพักเจ้าของบ้านแมสเสจกลับมา พร้อมวิธีเปิดประตูหน้าบ้าน พร้อมวีดีโอสาธิตด้วยนะ เราก็เออเฮ้ย ใช้เป็นแล้ว ออกไปเดินเล่นดีก่า
อื้อหือออออ เดินออกไปได้ซัก 10 ก้าว ยังไม่ทันข้ามถนน คือลมแรงทะลุเสื้อหนาวสองชั้น เราใส่เสื้อยืดหนึ่ง เสื้อหนาวสอง เอาไม่อยู่เฮ้ย แต่ในเมืองแบบนี้เอาอยู่อะ วกกลับมาด่วนเลยจ้า ต้องได้ควักเสื้อขนเป็ดปล้อง ๆ ของยูนิคโลมาใส่ มันกันลมได้ดีด้วย ใส่เสร็จแน่นมาก เลยเอาเสื้อขนเป็ดนี้ใส่ไว้ข้างในแทนแจ็กเก็ตตัวนอก เดินออกมา ก็โอขึ้นมาหน่อย แต่ก็ยังหนาวอยู่ มันลมมากจริง ๆ วันนี้
ฝั่งนี้ของเมืองอยู่ติดกับทะเลแปซิฟิก มองจากถนนเห็นทะเลเลยอะ
มองเห็นทะเลอยู่ข้างหน้า |
ลองเดินไปทะเลดู คือแบบ ลมแรงมาก พัดทรายปลิว ทรายเข้ารองเท้าอีก ตีนก็เย็น ทรายก็ทราย แล้วคนแถวนั้น แม๊ง เดินเท้าเปล่าริมชายหาด ทรายสีดำด้วย ชายหาดก็ไม่ค่อยสวย แล้วก็มีคนเอาหมามาเดิน มีคนวิ่งออกกำลังกาย คือแบบ ถ้าอากาศงี้ที่ไทยคือ ไฟท์มากอะ แต่ที่นี่คงเป็นปกติ เทียบกับไทย อากาศเราโอเคกว่าเยอะเลย หนาวอะ ลมด้วย
ลมแรงและหนาวจุง |
เดินกลับบ้าน กินอะไรไปซักพัก นั่งรอ ก็มีคนมาจริง ๆ ด้วย มาจัดเตียงจัดอะไรให้ เค้าทำบ้านเค้าเป็นที่พักอะ ซื้อเตียงสองชั้น เตียงเสริม กั้นห้องต่าง ๆ แล้วเจ้าของบ้านก็อยู่ชั้นล่าง แล้วให้เรา ๆ ทั่น ๆ อยู่ชั้นบน มีคนมาอยู่ประมาณหนึ่งเลยทีเดียว บรรยากาศไม่เหมือนโฮสเทล บรรยากาศไม่เหมือนบ้าน บรรยากาศแบบเหมือนอยู่กับใครก็ไม่รู้ อะไรเงี้ย หรือเรายังไม่ชินก็ไม่รู้
และปัญหาก็เริ่มตรงนี้ เราถามเค้าว่า มีฮีทเตอร์มั้ย เค้าบอกว่า มันเสีย น่าจะได้ซ่อมพรุ่งนี้ เราก็แบบ เหวอแล้ว ตายแล้ววันนี้ หนาวมาทั้งวัน นั่งเล่นคอม มือเย็นได้อีก
นั่งเล่นคอมแบบเย็น ๆ อยู่มาถึงตอนเย็น ก็ไปอาบน้ำ เจอคนที่อยู่ห้องเดียวกัน เค้าบอกว่า เค้าก็อยู่แบบไม่มีฮีทเตอร์นี่แหละ เราแบบไม่มีความสุขเลยอะ กะว่ามาที่นี่จะนั่งเงียบ ๆ ทำงาน ปรากฏว่ามันหนาวจนทำงานไม่ได้ คือมันก็หนาวแบบ 7 8 9 องศาอะนะ แต่เราไม่ได้ขยับตัวไง มันเลยยิ่งหนาว แต่ถ้าออกไปเดินอะไรงี้ก็โออยู่ คือแบบไม่มีความสุขอะ คิดเลยนะว่า ฉันมาทำอะไรที่นี่ โฮสเทลที่อยู่ก็ดีอยู่แล้ว ที่อ่านรีวิวมาแล้วว่าที่นี่มันดีคืออะไร คิดไปต่าง ๆ นา ๆ ว่า เค้าเซฟค่าไฟหรือเปล่า เขามีแต่เขาไม่เปิดหรือเปล่า ดูสิ ความคิดทางแย่ ๆ ก็มา แบบไม่สนุกเลยอะ หนาวเกินไป
บ่นกับเพื่อนที่อยู่ไทย บ่นไป กำลังคิดว่า เอาวะ ออกไปหาเบียร์กิน นี่ก็หกโมงกว่า น่าจะโอ กินเบียร์น่าจะอุ่นขึ้น เดินออกบ้านไป แปะ ๆ อ่าว ฝนตก! เอาวะ ตกนิดหน่อย เดินออกไปอีก แปะ ๆๆๆ เอ้ย หนาวก็หนาว ลมก็ลม ฝนตกอีก เดินกลับมาบ้านมาเอาร่ม ไฟท์มาก พอเดินออกไป ลมพัดแบบร่มจะปลิว ฝนก็ฝน แปะ ๆๆๆ ยังไม่ตกหนักนะ ตกแบบแปะ ๆ ลมด้วย คือเราไฟท์ไปว่ะ เราว่า เราเลยเดินกลับมาแบบยอมแพ้เลย
ต้มมาม่ากิน รสต้มยำกุ้ง ยี่ห้อมาม่าที่ซื้อมาจากเซเว่นแถวนี้ โอ้โห หน้าตาดีเว้ย แต่พอกิน จืดดดดดดด จืดชืดมาก นี่เหรอคือต้มยำกุ้ง กะว่าจะเจอของเด็ดซะแล้ว ปรากฏไม่เด็ดเลย ก็แหลก ๆ ไปนะ
มาม่า ดูดี๊ ดูดี เหมือนต้มอยู่ไทยเลย |
ไปอาบน้ำ ดีหน่อยว่ามีน้ำอุ่น หายหนาวมาได้นิดนึง แต่ก็ไม่อยากทำอะไรต่อละ ก็นอนแบบใส่เสื้อผ้าจัดเต็ม ก่อนนอนได้คุยกับรูมเมทเป็นเด็กอายุ 19 อยู่เลย ชาวเวียดนาม ภาษาอังกฤษดีมาก มาเรียนไบโอเมดดิคอลเอ็นจิเนียริ่ง อยู่มหาลัยวอชิงตันรัฐมิสซูรี่ ปิดเทอมเลยมาเที่ยว อะไรเงี้ย ดูเป็นคนฉลาดเลยทีเดียวเชียว ก็ดีได้คุยแลกเปลี่ยนแนวความคิด ตอนเราอายุ 19 เรายังไม่อะไรกะชีวิตเลย
แล้วก็นอนตอนสี่ทุ่มกว่า
กลางคืน รูมเมทอีกคนนึงเข้ามา เป็นผู้ชาย สักพัก นอนกรนจ้าาา
คร่อก ๆๆ ทั้งคืน
เอาวะ อยู่ไป ตื่นมาตอนเช้า หนาวอะ หนาวแบบไม่อยากลุก ลุกออกไปก็ไม่มีฮีทเตอร์ แต่สุดท้ายก็ลุก หาอะไรกิน แล้วก็คิดในใจว่า โอ...อาหารเช้าก็ต้องเตรียมเอง ที่โฮสเทลมีอาหารเช้าให้ มีกาแฟร้อน ๆ ให้ ที่นี่ ต้องทำเองหมดเลย ห่อเหี่ยวมาก ๆ
ได้แต่นั่งเล่นคอมบ่นกับเพื่อนที่อยู่ไทย
คิดอะไรไม่ออกเลย กะว่า จะย้ายที่อยู่ดีมั้ย จะอดทนอยู่ต่อดีมั้ย บลา ๆๆ นั่งอยู่หน้าคอมถึงสิบเอ็ดโมง มือเย็นอะ คิดอะไรไม่ออก ก็เลยคิดว่า เอาวะ เดิน เดินออกไปหาอะไรกิน หาร้านนั่ง อุ่นขึ้นน่าจะคิดอะไรออก ก็เดินออกไป
มีน้องที่รู้จักกันที่ไทย เขาโตที่นี่ เขาชวนไปนอนบ้าน 2 คืน หนีหนาว ก็คิดอยู่ว่าไม่อยากรบกวนเขา ก็เลยบอกเขาว่า คิดก่อน
จะหาร้านกาแฟนั่ง โอ้ย เต็ม เต็ม คือแบบ เต็มอะ ก็เลยเดินไปอีกตามถนน เจอร้านอาหารจีน เอาวะ คนน้อย เข้าไปนั่งกินข้าวก็ได้ อุ่นมาหน่อยเดียวเองอะ กินข้าวราดผัดบล็อกโคลี่ กินข้าวแถวนี้ได้มาแต่ส้อม เหอะ ๆ
อิ่ม
เดินกลับบ้าน ได้รับแมสเสจจากตัวแทนเจ้าของบ้าน ว่ายังซ่อมไม่ได้
โอ่ย น่อ
เราก็คิด ปัญหาอะไรที่แก้ได้ด้วยเงิน สิ่งนั้นไม่ใช่ปัญหา
ก็เลยหาโฮสเทล จะอยู่เอาวะ โฮสเทลที่เคยอยู่นี่แหละ หาเปรียบเทียบราคาอะไรไป ตัวแทนเจ้าของบ้านเข้ามาจัดบ้านพอดี เขาจะมาเตรียมเตียง ประหนึ่งเป็นเฮาส์คีปปิ้ง แต่ก็เป็นเจ้าของบ้านด้วย บ้านนี้อยู่กันสองคนเจ้าของบ้านอะนะ คนนึงไม่อยู่(คนที่ลงลิสติ้งไว้ในแอร์บีเอ็นบี) อยู่อีกคนนึงเป็นตัวแทน
เขาบอกว่า เขาคุยกับเพื่อนเขา เพื่อนเขาบอกว่า ลองเปลี่ยนถ่านน่าจะดี ถ่านแผงควบคุมฮีทเตอร์อะนะ
เขาก็เลยซื้อถ่านมาเปลี่ยน ปรากฎว่า เปลี่ยนถ่านเสร็จ ดีจ้าาาาาาา
ขอบคุณสวรรค์มาก ๆ เกือบกดจองโฮสเทล เกือบเก็บของออกบ้านไปแล้วอะ เราดีใจมาก ๆ ขอบคุณเขาและกอดเขาเลย
บทเรียนครั้งนี้ เมื่อมีปัญหา ก็หาทางแก้ไข ไม่ว่าจะแก้ที่ปัญหาหรือถอยออกมา อย่างน้อยเราก็ต้องทำให้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมั่งอะน่า ถ้าเขาไม่ซ่อมฮีทเตอร์ เราก็แค่ย้ายออก
ช่วงเวลาก่อนตัดสินใจเป็นอะไรที่อึดอัดกับชีวิตจริง ๆ มันหนาว
เราคิดว่าคืนนี้จะดีขึ้น ขอบคุณ
Subscribe to:
Posts (Atom)