Pages

Friday, February 12, 2010

เอาเรื่องป.โทก่อน

ผมนะครับ พ่อแม่ส่งมาเรียนในเมืองตั้งแต่เด็ก ซึ่งตอนนั้นผม 4 ขวบ มาเรียนตั้งแต่เตรียมป.1 กันเลยทีเดียวเชียว
เรียนโรงเรียนเอกชน จนจบป.6
ก็ไปต่อโรงเรียนที่มีชื่อเสียงอันดับ 1 ของจังหวัด ผมสอบเข้าด้วยนะ มีคนสอบ 8xx คน เอา 120 นะ ถ้าจำไม่ผิด ผมสอบได้ที่ 55 ผมทำได้
อีก 9 ปีถัดมาน้องผมสอบมาเรียนที่โรงเรียนนี้เหมือนกัน แต่น้องผมสอบไม่ติด พ่อแม่ยัดเงินไป 30,000 โอเคได้เข้าเรียน นี่แหละครับ ความจริงของประเทศนี้ คุณมีเงิน คุณได้ทุกอย่าง
ผมก็เรียนจนจบม.6 นั่นแหละ ผลการเรียนและกิจกรรมต่าง ๆ ก็ธรรมดา
ผมก็สอบตรงเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัย ผมไปสอบแข่งกะคนอื่นอีก ผมสอบติดได้ทุน เงื่อนไขของทุนคือต้องเรียนได้เกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 3.00 ผมตั้งปณิธานไว้ว่ายังไงต้องไม่หลุดทุน ผมก็ทำได้ เรียนจบป.ตรีมาเกรด 3.08 เอาวะ พอถูไถ

ตัวจบของป.ตรีผมก็ทำกับอาจารย์ที่มีชื่อเสียงนะ เป็นรศ. แต่ไม่ได้เป็นผู้บริหาร เค้าเน้นทางวิชาการนะผมว่า แบบว่าขอให้ได้เปเปอร์เยอะ ๆ คนที่อยู่ในวงการวิชาการก็คงรู้ดีว่าในวงนี้ก็จะมีเรื่องการเมือง อ.คนนั้นไม่ถูกกะคนนั้น นั่นนี่นู่น จะใส่ชื่อใครในเปเปอร์บ้าง บลา บลา บลา แต่ผมก็ไม่ได้รับรู้อะไรเท่าไหร่หรอก

ผมมาเรียนป.โทเพราะผมไม่รู้จะทำอะไร ผมไปเซิชดูแล้วว่าคนที่จบสาขาที่ผมเรียนนั้นเงินเดือนดี มันไม่เชิงจะเป็นสาขาที่ผมจบมาทางป.ตรีสักเท่าไหร่ ออกแนวประยุกต์ไปค่อนข้างมาก ผมไม่มีพื้นฐานสักเท่าไหร่

ลองนึกดูว่า แบบโน้ตอุดมพูดว่า สูตรพื้นที่วงกลม = pi(r)^2 หลายคนท่องได้ หลายคนรู้ แต่จะมีสักกี่คนที่เอาไปใช้ ผมก็เรียนในระบบการศึกษาไทย ๆ ผมเรียนเรื่องเซต เมตริก พาราโบลา ตรีโกณ โอ้ว หลายอย่าง ผมไม่เคยคิดว่าจะได้เอามาใช้เลย ตอนป.ตรีผมก็เรียน calculus อีก 2 ตัว ผมไม่เคยเข้าใจว่าจะดิฟไปทำไม จะอินทิเกรตไปทำไม ดิฟระยะทางได้ความเร็ว ดิฟความเร็วได้ความเร่ง ความชันต่าง ๆ บลา บลา บลา ผมฟาด C มาทั้งสองตัว

ผมเรียนป.โท สอบเข้ามาโคตรง่าย ผมสมัครเรียนป.โทไว้สองสาขาที่ต่างกัน อันหนึ่งเป็นภาคพิเศษ อันหนึ่งเป็นภาคปกติ
ผมไปสอบสัมภาษณ์ทั้งสองอัน อันที่เป็นภาคพิเศษนั่นตอนสัมภาษณ์อ.กดดันมาก ประมาณว่า คุณจะเรียนได้เร้อ ไม่มีพื้นฐานเลย สรุปว่า เค้าก็รับผมเข้าเรียน สงสัยอยากได้ตังค์ เพราะว่าค่าเทอมภาคพิเศษมันแพง แต่ผมก็ไม่ไปเรียนอันนี้นะ ผมเลือกอีกอัน

สาขาที่ผมเรียนอยู่ทุกวันนี้ สอบสัมภาษณ์เข้ามาอย่างเดียว ผมว่าที่อ.เค้ารับอาจเป็นเพราะว่าโพรไฟล์ของผมค่อนข้างดี ผมเป็นเด็กทุน ผมมีอ.ที่ปรึกษาที่มีชื่อเสียงเขียนจดหมายแนะนำตัวให้ ไม่รับก็มาตรฐานสูงเกิ๊น

แต่พอมาเรียนจริง ๆ ผมขอพูดตรง ๆ ในความรู้สึกผมว่า อ.สอนไม่รู้เรื่อง ผมขาดศรัทธา ผมก็บ่นอย่างนี้แหละ ผมชอบโทษคนอื่น

อ.ที่ปรึกษาผม ไม่ได้เป็นกำลังใจให้ผมเลย เค้าอาจไม่ค่อยมีเวลา เมื่อใจไม่ไป กายก็ไม่ไป เรื่องจิตใจนี่สำคัญนะครับ เลือก อ.ที่ปรึกษาผิด มันติดตัวเราไปตลอดนะครับ อ.ที่ปรึกษาที่ดีในความคิดผมควรจะเป็นคนที่จุดไฟให้นศ. คอยนำทาง คอยให้กำลังใจ ถ้านศ.ยังเดินเองไม่ได้ อ.ควรเดินนำหรือไม่ก็มาเดินด้วยข้าง ๆ จนตัวนศ.เมื่อถึงจุดหนึ่งจะมั่นใจว่าสามารถเดินเองได้

ผมเดินเองตั้งแต่ต้น มันก็โคตรช้า

คนรอบข้างก็ชอบถามว่า เมื่อไหร่จะเรียนจบ ผมตอบเหมือนเดิมว่า "เรื่อย ๆ ไม่รู้เหมือนกัน"

ครับ ๆๆ คุณอาจจะพูดอะไรก็ได้ แต่คุณไม่มาเป็นผม คุณไม่เข้าใจหรอก

ไม่มีใครเข้าใจในสิ่งที่ผมทำ ไม่มีคนที่จะช่วยผมจริง ๆ

เปรียบดังเช่น ผมหิวน้ำ แต่คนรอบข้างบอกว่า อดทนไว้นะ เรารู้ว่านายอดทนได้
ผมอดทนไว้ในตอนช่วงแรก แต่ต่อมาก็ไม่มีใครเอาน้ำให้ผมดื่ม สุดท้ายผมก็ตาย

ในเมื่อมันไปต่อไม่ได้ ผมจึงมีความคิดว่าผมอยากจะลาออก

ผมก็รู้ว่าทุกคนก็ย่อมมีปัญหาของตัวเองทั้งนั้น

พอละดีกว่า เขียนออกมานี่ก็ใช้ความคิดเยอะเหมือนกันนะเนี่ย เปลือง 555

No comments:

Post a Comment

คอมเมนท์ดิ ดิ ดิ ดิ!

Stock Images

My latest images for sale at Shutterstock:

My most popular images for sale at Shutterstock: